พศ.ระบุ “สมีคำ” ครบกำหนดยื่นอุทธรณ์คำสั่งเจ้าคณะปกครอง 13ส.ค.นี้ เล็งถกแก้กฎหมายควบคุมสงฆ์ เช่น ห้ามขับรถ
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีนายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความของอดีตพระวิรพล แจ้งว่าอดีตพระวิรพลจะขอมอบตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ปรากฎว่าแจ้งเลื่อนการมอบตัวออกไปเป็นสัปดาห์หน้าว่า สำหรับการเข้ามอบตัวของอดีตพระวิรพล ทางดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการและพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ อย่างไรก็ตามวันที่ 13 ส.ค.นี้ จะครบกำหนด 30 วัน หากยังไม่มอบตัวหรือว่าไม่ยอมมายื่นอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าคณะปกครองที่มีสั่งให้สึกและการขับออกจากสังกัด หากพ้นกำหนดดังกล่าวถือว่าไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้อีกแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา จากการที่ตนเข้าร่วมประชุมกับดีเอสไอ เพื่อหารือเรื่องการปรับปรุงกฎระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายเกี่ยวกับคณะสงฆ์ โดยนำบทเรียนและปัญหากรณีอดีตพระวิรพลมาหารือกันนั้น เป็นการหารือในกรอบกว้างๆ ว่าจะมีวิธีการอย่างไรจะป้องกันปัญหาลักษณะนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก และพูดคุยว่ามีหนทางใดบ้างที่จะเป็นการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ซึ่งประเด็นในการแก้ไขกฎหมายนั้นยังคงต้องหารือกับฝ่ายต่างๆ หลายครั้ง ส่วนตัวมองว่าจากนี้ต้องมีการวิเคราะห์และสรุปปัญหาเรื่องกฎหมาย กฎระเบียบในการดูแลพระสงฆ์ ที่กฎหมายยังมีช่องไม่รัดกุม
“ในเบื้องต้นน่าจะแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลักๆ ได้แก่ การทบทวนข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่บังคับใช้มาแล้ว แต่พบว่าในปัจจุบันไม่สามารถบังคับใช้ได้หรือว่าไม่มีการระบุไว้ในกฎหมายชัดเจนเรื่องกำหนดเวลา อำนาจหน้าที่ของผู้ดำเนินการ อย่างเช่น ระยะเวลาเรื่องการสร้างวัดและอนุญาตที่ยังมีช่องว่างของกฎหมาย อีกประเด็นที่ต้องพูดคุยกันคือ ปัญหาใหม่ที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ อาทิ การห้ามพระสงฆ์ขับรถซึ่งในกฎหมายไม่มีระบุห้ามไว้ เป็นต้น หลังจากนี้ต้องหารือกับทุกฝ่ายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะเท่าที่ทราบตอนนี้มีการเสนอแก้และร่างพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ออกมาหลายฉบับมาก รวมถึงฉบับ พศ. ด้วยจึงต้องพูดคุยกันในรายละเอียดว่าจะเลือกหรือว่าใช้ฉบับของใคร” นายนพรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย