สถานการณ์ไข้เลือดออกยังไม่นิ่ง! ย้ำ ปชช.ทุกคนเสี่ยงต่อการเป็นไข้เลือดออก โดยเฉพาะเด็กเล็ก เด็กอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ เสี่ยงป่วยรุนแรง ขณะที่ใน 10 จ.ยังน่าห่วงเหตุจำนวนผู้ป่วยยังเพิ่ม
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออก ยังไม่นิ่ง การแพร่พันธุ์ของยุงลายยังคงมีต่อเนื่องอันเป็นผลจากฝนตกชุก จากการประชุมวอร์รูมติดตามประเมินสถานการณ์โรคไข้เลือดออกทั่วประเทศ พบว่า กลุ่มผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ ส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว โดยผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรง เมื่อป่วยเป็นไข้เลือดออกได้แก่ เด็กเล็ก เด็กอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ หากป่วยเป็นไข้สูง กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดใน 1-2 วัน ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ส่วนกลุ่มที่กำลังป่วยเป็นไข้เลือดออกและอยู่ในช่วงที่ไข้ลด จะต้องระมัดระวังเฝ้าดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด 24-48 ชั่วโมง เนื่องจากผู้ป่วยอาจเกิดอาการรุนแรงหลังไข้ลด และเสี่ยงต่อเกิดอาการช็อคจากอาการต่าง ๆ เช่น ผู้ป่วยมีอาการซึม อ่อนเพลีย งอแง ไม่สบายตัว มีอาการปวดจุกแน่นในบริเวณท้องด้านขวา อาจมีเลือดกำเดาออก เลือดออกตามไรฟัน ถ่ายเป็นเลือด หรือเป็นประจำเดือน หากมีอาการหนึ่งอาการใด ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันการเสียชีวิต
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า วิธีการป้องกันไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือ ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในบ้านและรอบบ้าน ป้องกันไม่ให้ยุงกัดด้วยการนอนในมุ้ง ทายากันยุง นอกจากนี้การค้นหาและกำจัดลูกน้ำยุงลายควรทำทุกสัปดาห์ นอกจากที่บ้านแล้วควรรณรงค์ทำที่โรงเรียน ที่ทำงาน โรงพยาบาล ศูนย์การค้าต่างๆ วัด หรือศาสนสถาน โรงแรม รีสอร์ท สวนสาธารณะ โดยเฉพาะขยะที่มีน้ำขังได้เช่น กล่องโฟม ยางรถยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ล่าสุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 23-30 กรกฎาคม 2556 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 5,770 ราย เสียชีวิต 5 ราย ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม - 30 กรกฎาคม 2556 มีทั้งหมด 87,533 ราย เสียชีวิต 83 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.09 ของผู้ป่วย โดยมี 10 จังหวัด113 อำเภอที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ศรีสะเกษ กทม. สุรินทร์ ตาก บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด ชลบุรี และขอนแก่น เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออก ยังไม่นิ่ง การแพร่พันธุ์ของยุงลายยังคงมีต่อเนื่องอันเป็นผลจากฝนตกชุก จากการประชุมวอร์รูมติดตามประเมินสถานการณ์โรคไข้เลือดออกทั่วประเทศ พบว่า กลุ่มผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ ส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว โดยผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรง เมื่อป่วยเป็นไข้เลือดออกได้แก่ เด็กเล็ก เด็กอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ หากป่วยเป็นไข้สูง กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดใน 1-2 วัน ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ส่วนกลุ่มที่กำลังป่วยเป็นไข้เลือดออกและอยู่ในช่วงที่ไข้ลด จะต้องระมัดระวังเฝ้าดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด 24-48 ชั่วโมง เนื่องจากผู้ป่วยอาจเกิดอาการรุนแรงหลังไข้ลด และเสี่ยงต่อเกิดอาการช็อคจากอาการต่าง ๆ เช่น ผู้ป่วยมีอาการซึม อ่อนเพลีย งอแง ไม่สบายตัว มีอาการปวดจุกแน่นในบริเวณท้องด้านขวา อาจมีเลือดกำเดาออก เลือดออกตามไรฟัน ถ่ายเป็นเลือด หรือเป็นประจำเดือน หากมีอาการหนึ่งอาการใด ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันการเสียชีวิต
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า วิธีการป้องกันไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือ ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในบ้านและรอบบ้าน ป้องกันไม่ให้ยุงกัดด้วยการนอนในมุ้ง ทายากันยุง นอกจากนี้การค้นหาและกำจัดลูกน้ำยุงลายควรทำทุกสัปดาห์ นอกจากที่บ้านแล้วควรรณรงค์ทำที่โรงเรียน ที่ทำงาน โรงพยาบาล ศูนย์การค้าต่างๆ วัด หรือศาสนสถาน โรงแรม รีสอร์ท สวนสาธารณะ โดยเฉพาะขยะที่มีน้ำขังได้เช่น กล่องโฟม ยางรถยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ล่าสุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 23-30 กรกฎาคม 2556 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 5,770 ราย เสียชีวิต 5 ราย ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ 1 มกราคม - 30 กรกฎาคม 2556 มีทั้งหมด 87,533 ราย เสียชีวิต 83 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.09 ของผู้ป่วย โดยมี 10 จังหวัด113 อำเภอที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ศรีสะเกษ กทม. สุรินทร์ ตาก บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด ชลบุรี และขอนแก่น เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น