ขึ้นชื่อว่า "มะเร็ง" ก็คงไม่มีใครอยากให้เจ้าก้อนเนื้อร้ายนี้ เฉียดกรายเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของอวัยวะภายในร่างกายตนเอง โดยเฉพาะมะเร็งตับและท่อน้ำดี ซึ่งเป็นมะเร้งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ของชายไทย และเป็นอันดับ 3 ของเพศหญิง สำหรับคนที่เป็นมะเร็งตับระยะแรกมักจะไม่ปรากฏอาการ จนกว่าโรคจะดำเนินไปสู่ระยะท้ายๆ โดยอาจใช้เวลาเป็นเดือนจนถึงหลายปีขึ้นอยู่กับอัตราการโตของก้อนมะเร็ง
หลายคนอาจสงสัยว่าสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งตับคืออะไร แล้วป้องกันได้หรือไม่ ทีมข่าวคุณภาพชีวิต ASTVผู้จัดการออนไลน์ มีคำตอบ โดยมะเร็งตับ คือ การเป็นโรคตับแข็งจากสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังนี้
1.การอักเสบเรื้อรังของตับจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี
2.ภาวะตับแข็งจากแอลกอฮอล์
3.การได้รับสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ที่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดมะเร็งตับ ซึ่งมักปนเปื้อนอยู่ในธัญพืชแห้งที่ขึ้นรา เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง กระเทียม เป็นต้น
หากไม่อยากเป็นมะเร็งตับ ควรที่จะต้องรู้จักป้องกันตนเอง โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดตับอักเสบหรือตับแข็ง คือ
1.งดดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
2.หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจปนเปื้อนเชื้อราหรือสารอะฟลาท็อกซิน ได้แก่ ธัญพืชต่างๆ
3.อย่าสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งใดๆ ของผู้อื่น หากจำเป็นให้สวมถุงมือ และห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
4.ไม่สำส่อนทางเพศ สวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
5.ป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยการฉีดวัคซีน
6.หากป่วยเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ต้องรับการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่องด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับได้
และ 7.กรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ ควรเฝ้าระวังเป็นระยะๆ โดยการตรวจเลือดและตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อหามะเร็งตับทุกๆ 6 เดือน
หลายคนอาจสงสัยว่าสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งตับคืออะไร แล้วป้องกันได้หรือไม่ ทีมข่าวคุณภาพชีวิต ASTVผู้จัดการออนไลน์ มีคำตอบ โดยมะเร็งตับ คือ การเป็นโรคตับแข็งจากสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังนี้
1.การอักเสบเรื้อรังของตับจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี
2.ภาวะตับแข็งจากแอลกอฮอล์
3.การได้รับสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ที่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดมะเร็งตับ ซึ่งมักปนเปื้อนอยู่ในธัญพืชแห้งที่ขึ้นรา เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง กระเทียม เป็นต้น
หากไม่อยากเป็นมะเร็งตับ ควรที่จะต้องรู้จักป้องกันตนเอง โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดตับอักเสบหรือตับแข็ง คือ
1.งดดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
2.หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจปนเปื้อนเชื้อราหรือสารอะฟลาท็อกซิน ได้แก่ ธัญพืชต่างๆ
3.อย่าสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งใดๆ ของผู้อื่น หากจำเป็นให้สวมถุงมือ และห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
4.ไม่สำส่อนทางเพศ สวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
5.ป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยการฉีดวัคซีน
6.หากป่วยเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ต้องรับการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่องด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับได้
และ 7.กรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ ควรเฝ้าระวังเป็นระยะๆ โดยการตรวจเลือดและตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อหามะเร็งตับทุกๆ 6 เดือน