xs
xsm
sm
md
lg

“หมอบอนด์” รับเสียใจสุดซึ้ง ประกาศขอโทษขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ หรือหมอบอนด์
หมอบอนด์โพสต์รูปหนังสือจากแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ยันเคยร่วมงานกับ สสส.จริง พร้อมประกาศขอโทษจากใจจริงที่ทำให้สังคมวุ่นวาย ลั่นไม่เคยอวดอ้างเป็นจิตแพทย์ ไม่เคยหลอกลวงเอาทรัพย์สินใคร ย้ำไปเรียนต่อต่างประเทศจริง ในฐานะเป็นผู้ร่วมวิจัย เผยกำลังประสานงานกู้ Thesis ช่วงเรียน ป.โท และ ป.เอก

จากกรณีข้อสงสัยในวุฒิการศึกษาของ นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ หรือ หมอบอนด์ ที่อาจมีการกล่าวอ้างเกินจริง และมีการระบุว่าเป็นแพทย์วิชาการประจำสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งทาง สสส.เองได้มีการออกจดหมายให้หมอบอนด์ยุติการใช้ตำแหน่งดังกล่าว โดยระบุว่า สสส.ไม่เคยมีการแต่งตั้งตำแหน่งนี้ใดๆ ทั้งสิ้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บบล็อกส่วนตัวของ นพ.ปิยะวงศ์ (http://http://doctorpiyawong.blogspot.com/) นพ.ปิยะวงศ์ ได้เผยแพร่ภาพเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า สสส.ออกมาแก้ข่าวว่าผมทำงานให้ สสส.จริงครับ โดยภายในรูปที่หมอบอนด์โพสต์ เป็นการจับภาพที่หน้าจอสมาร์ทโฟน ซึ่งปรากฏเป็นหนังสือจาก แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สสส.โดยลงวันที่ 18 ก.ค. 2556 เรื่อง ชี้แจงข้อเกี่ยวข้องระหว่างแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านและคุณปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ (หมอบอนด์) เพื่อเรียนไปยัง ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ และคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กลุ่มแผนงานฯสื่อสารสุขภาวะในแผนสื่อสารสุขภาวะ และสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม

ทั้งนี้ จดหมายฉบับดังกล่าวลงชื่อ นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน มีใจความโดยสรุปว่า แผนงานฯรู้จักคุณปิยะวงศ์ เมื่อครั้งได้เข้ารับพระราชทานรางวัลหนังสือดีเด่น จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งคุณปิยะวงศ์ แสดงความยินดีหากมูลนิธิเด็กและแผนงานต้องการความช่วยเหลือ จากนั้นเมื่อแผนงานฯได้จัดเวทีพูดคุยประเด็นความสำคัญของการอ่านสื่อสารต่อสาธารณะ จึงเชิญคุณปิยะวงศ์ เป็นหนึ่งในแขกรับเชิญ เมื่อมี “โครงการพลังจิตใต้สำนึกหนูน้อยใจเข้มแข็ง” จึงได้เชิญคุณปิยะวงศ์เป็นหนึ่งในทีมนักวิชาการ แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเวทีผลิตสื่อ วิจัย นำไปใช้ และพัฒนาสื่อเป็นรูปเล่มร่วมกับสำนักพิมพ์ เนื่องจากไม่มีความถนัด ซึ่งการทำหน้าที่ของคุณปิยะวงศ์ ทำให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรู้สึกชื่นชม จนคุณสุพัฒนุช สอนดำริห์ ได้เชิญคุณปิยะวงศ์ เป็นที่ปรึกษารายการทีวีเด็กรายการหนึ่ง และทำให้เวิร์คพอยท์เห็นความสามารถจนเชิญเป็นพิธีกรร่วม ในส่วนของแผนงานฯ ยืนยันว่าคุณปิยะวงศ์ ไม่เคยทำความเสียหาย ใช้ความรู้ความสามารถในแต่ละประเด็นจบเป็นงานๆ ไป ไม่เคยเรียกร้องค่าตอบแทน ไม่เคยรับทุนเป็นโครงการย่อย

ต่อมา วันที่ 26 ก.ค. นพ.ปิยะวงศ์ ได้โพสต์บทความ “ประกาศขอโทษอย่างเป็นทางการของข้าพเจ้า” มีเนื้อหาดังนี้

ข้าพเจ้าขอกล่าวขอโทษจากใจจริง ที่ข้าพเจ้าเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องวุ่นวายในสังคม และทำให้มีผู้เสียหายหลายท่าน ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

ข้าพเจ้าเรียนจบแพทย์ฯ เพื่อตั้งใจช่วยเหลือคนไข้อย่างเต็มที่ และอยากจะนำความรู้ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาช่วยพัฒนาระบบสาธารณสุขทางการแพทย์ให้เข้าถึงชุมชนมากยิ่งขึ้น

ข้าพเจ้ามิเคยอวดอ้างตนเองเป็นจิตแพทย์ หรือเป็นแพทย์ด้านอื่น ข้าพเจ้าเป็นเพียงแพทย์รักษาโรคทั่วไปเท่านั้น

สำหรับการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ข้าพเจ้ายอมรับว่าได้ไปเรียนต่อจริง และได้ไปเป็นผู้ร่วมวิจัย จากการติดต่อส่วนตัวกับอาจารย์ทางยุโรปที่ข้าพเจ้าเคยฝึกงานตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์

ข้าพเจ้า ไม่มีเจตนาอื่นใดที่จะหลอกเอาทรัพย์สินเงินทองของคนไข้ ข้าพเจ้ามีแต่ความปรารถนาดีที่อยากจะช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ในใจของคนไข้

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าพเจ้ามีแรงกดดันหลายประการ ทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องอาการป่วยของตนเอง เรื่องการโดนบิดเบือนข่าวไปต่างๆ นานา ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้ออกไปแก้ข่าวแต่อย่างใด เพราะข้าพเจ้าเกรงว่าจะเป็นการเติมเชื้อน้ำมันลงไปในกองไฟ

และผู้ใหญ่ที่ข้าพเจ้าเคารพหลายท่านแนะนำด้วยความหวังดีว่าอย่าให้ข้าพเจ้าอย่าตอบโต้อันใดเพราะอาจจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาในภายหลังได้

แต่เนื่องจากแรงกดดันมากมายที่ถาโถมเข้ามา พร้อมกับหลักฐานที่โดนแอบอ้างว่าผมเป็นผู้นำไปหลอกลวงประชาชน ทำให้ผมรู้สึกเสียใจ และอยากจะออกมากล่าวถ้อยแถลงด้วยตนเองต่อสังคมว่าข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจ และขอโทษกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ข้าพเจ้าขอยอมรับว่าเป็นผู้กระทำผิดเพียงคนเดียวทั้งหมด ถึงแม้นว่าข้าพเจ้าจะติดต่อสมัครการเรียนผ่านทางเอเจนซี่ที่หนึ่งอย่างถูกระเบียบก็ตาม แต่ข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าขอยอมรับผิดในทุกๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเองจะเป็นการดีที่สุด

ความผิดทุกประการ เกิดจากการกระทำของตัวข้าพเจ้าเอง

สำหรับในประเด็นส่วนตัวของข้าพเจ้าที่มีการพูดถึงในหลายๆ ฝ่าย ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่เหมาะสมนักที่จะนำบุคคลที่สามซึ่งความจริงไม่ใช่แฟนของข้าพเจ้ามาเกี่ยวข้องด้วย ข้าพเจ้าจึงขอน้อมรับความผิดทั้งหมดที่มีผู้อ้างถึงแต่เพียงผู้เดียว

ในระหว่างที่ข้าพเจ้าเผชิญกับปัญหาก็มีมิตรสหาย ครอบครัว คนรักมาให้กำลังใจ และคอยดูแลให้ข้าพเจ้าผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทั้งกาย และใจไปได้ ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่ช่วยเหลือ และเมตตาข้าพเจ้ามาตลอด

ข้าพเจ้าขอยอมน้อมรับผิดในทุกๆ ประเด็นแต่เพียงผู้เดียว

ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจที่ทำให้สังคมไทยเกิดรอยด่างพร้อยขึ้นเพราะการกระทำอันโง่เขลาของข้าพเจ้า

ขอแสดงความนับถือ และแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์

และในวันที่ 27 ก.ค. นพ.ปิยะวงศ์ ได้โพสต์ข้อความอีกว่า ขณะนี้ผมกำลังประสานงานกู้ Thesis ที่ File เสียไปในช่วงเรียน ป. โท และ ป. เอก ครับ

ซึ่งเอกสารงานวิจัยที่ผมกำลังกู้คืนมานั้น สามารถกอบกู้กลับมาได้บางส่วน ซึ่งเกือบจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สามารถนำไปตีพิมพ์ได้

ผมจะนำเอกสารดังกล่าวไปชี้แจงในการตรวจสอบหลักฐานการศึกษาของคณะกรรมการอันทรงคุณวุฒิครับ

แต่สำหรับทางรูปแบบของใบปริญญาที่ไม่เหมือนกับของที่บัณฑิตหลายท่านมี ในส่วนนี้ข้าพเจ้าต้องประสานงานไปทางเอเยนซีใน USA ที่เป็นตัวแทนดำเนินการรับสมัครเรื่องเรียน การนัดลงทะเบียนเรียน การ Out Source ข้อมูลออกมาแยกกันวิเคราะห์อีกครั้งครับ ว่าเหตุใดหน้าตาของใบปริญญาของผมจึงไม่เหมือนกับของบัณฑิตท่านอื่น เนื่องด้วยผมเข้าไปเรียนเริ่มต้นปูพื้นใหม่ในสายของเศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่สายจิตวิทยา และเป็นการเรียนเพื่อนำความรู้ไปประยุกต์ใช้จริง ไม่ได้นำวุฒิที่ได้รับมานั้นไปสมัครงานกับหน่วยราชการใดครับ

ที่สำคัญ ผมไม่เคยอวดอ้างตนว่าเป็นจิตแพทย์ หรือแม้แต่นักจิตวิทยาแต่อย่างใดครับ ผมรักษาคนไข้ด้วยองค์ความรู้ของการเป็นแพทย์ทั่วไป (General Practitioner) ครับ

จุดมุ่งหมายสูงสุดของผมคือการประยุกต์นำความรู้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับวงการสาธารณสุขไทย ที่กำลังจะพยายามขยับขยายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจสุขภาพใน Asia ครับ

ด้วยความรัก เคารพ และกราบขออภัยจากใจจริงครับ

ชีวิตที่เหลืออยู่ ผมขออุทิศเพื่อช่วยดับทุกข์ บำรุงสุข และป้องกันโรคให้กับคนไข้ โดยเฉพาะคนไข้ในประเทศไทย - บ้านเกิดเมืองนอนของเราครับ

ขอแสดงความนับถือทุกท่านเป็นอย่างสูง

ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์

ทั้งนี้ หมอบอนด์ได้ปิดเว็บบล็อกดังกล่าวไปช่วงหนึ่ง ภายหลังจากที่ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมออนไลน์ เนื่องจากเคยมีการลงประวัติการศึกษา ซึ่งเป็นที่มาของข้อสงสัยในเรื่องวุฒิการศึกษา โดยหมอบอนด์เคยให้สัมภาษณ์ว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาเปลี่ยนแปลงข้อมูลในเว็บบล็อกของตน จนกระทั่งตอนนี้ได้มีการเปิดเว็บบล็อกขึ้นอีกครั้ง เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น