จิตแพทย์ชื่อดังโพสต์วิจารณ์ “ทูไนท์โชว์” ของ “ต๋อย ไตรภพ” หลังเสนอเรื่องราวสุดดรามาของ “หมอบอนด์” พิธีกรเวิร์คพอยท์ทีวีที่สังคมกำลังเคลือบแคลงสารพัดวุฒิหมอของจริงของปลอม? ซัดเห็นแก่ได้เบี่ยงประเด็น ทั้งที่รู้ว่าคนดูอาจจะเข้าใจผิด หลงเชื่อ และมีโอกาสตกเป็นเหยื่อคนพวกนี้
กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันทีสำหรับการออกอากาศในช่วงทอล์กโชว์ของรายการ “ทูไนท์โชว์” ดำเนินรายการโดย “ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์” เมื่อคืนที่ผ่านมา (22) ทางช่อง 3 กับการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของ นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ ซึ่งในรายการให้ข้อมูลว่าเจ้าตัวกำลังจะเรียนจบหมอ แต่ต้องลาออกกะทันหัน มาเล่นดนตรีตามร้าน ก่อนชีวิตจะพลิกผันอีกครั้งเมื่อต้องมาเห็นเพื่อนสนิทตาย แฟนเป็นเจ้าหญิงนิทรา พ่อเป็นโรคหัวใจ ขณะที่น้องสาวของตนเอง “ปิยะนุช เศรษฐวงศ์” ที่มาร่วมออกรายการด้วย ก็ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งในเม็ดเลือด ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจกลับมาเรียนแพทย์อีกครั้งจนจบออกมาพร้อมกับตั้งปณิธานไว้ว่าชีวิตที่เหลือจะอยู่เพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไป
ทั้งนี้เหตุที่กลายเป็นประเด็นขึ้นมา ก็เนื่องจากที่ผ่านมานั้นตัวแขกรับเชิญของรายการอย่าง นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ เองกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงที่มาของวุฒิการศึกษา ซึ่งเจ้าตัวได้ระบุไว้ว่าเรียนจบการศึกษาจากหลายสาขา ทั้งวิทยาศาสตร์บัณฑิต, แพทยศาสตร์บัณฑิต, เศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ปริญญาเอกจากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งใบประกาศนียบัตรอีกนับสิบใบ ฯ ทั้งที่้เจ้าตัวเพิ่งจะมีอายุเพียง 29 ปีเท่านั้น
โดยทันทีที่รายการได้ออกอากาศไปก็เป็นทางด้านของ นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดังจาก รพ.สมิติเวชศรีนครินทร์ และเป็นอดีตวิทยากรรายการ “ชูรักชูรส” ทางช่อง 3 ที่ได้ออกมาวิจารณ์ถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กของตนเอง (นพ.กัมปนาท-ตันสิถบุตรกุล-Kampanart-Tansithabudhkun-MD) ระบุว่ารู้สึกแปลกใจมากที่ทางรายการได้นำเสนอเนื้อหาดังกล่าวราวกับเสมือนว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์และเปิดโอกาสให้คนที่กำลังถูกสังคมสงสัยถึงความไม่โปร่งใสได้แก้ตัว ซึ่งอาจจะทำให้คนดูเกิดความสับสนได้
...ที่แปลกใจ เพราะรู้ทั้งรู้ว่าแขกรับเชิญคนนึงในสองคนนั้น มีปัญหาเรื่องความโปร่งใสเรื่องความถูกต้องในคุณวุฒิการศึกษา ที่สังคมกำลังจับตามองอย่างหนัก รอการพิสูจน์อีกมากมาย แต่รายการประเภทนี้ก็สะท้อนตัวตนของความเป็นสื่อช่องนี้ คือ อะไรเป็นข่าวดัง เรตติ้งดี ไม่ว่าจะถูกผิดก็จะนำมาออกอากาศเสมอ แม้ว่าจะสามารถตัดต่อหรือทำใหม่ได้ (เนื่องจากทราบมาว่ามีการบันทึกเทปมาก่อนล่วงหน้าหลายเดือน พอมีเวลาจัดแจงใหม่ได้ หากอะไรยังไม่เหมาะสมจะนำมาออกอากาศ) แม้ว่าแขกรับเชิญอีกท่านจะน่าสงสาร น่าเห็นใจ และเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมก็ตาม แต่เนื่องจากความเกี่ยวพันตรงนี้ การนำเสนอออกมาแบบนี้ ก็ทำให้คนดูยิ่งสับสนและดูเสมือนว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์และเปิดโอกาสให้แก้ตัวสำหรับบางคนที่สังคมกำลังจับตามองว่าไม่โปร่งใสอยู่
ผมว่าคนทำสื่อส่วนใหญ่คงจะรู้ดีว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน ถ้าหากว่าจะพูดถึงจริยธรรมในการนำเสนอ กับค่าใช้จ่ายที่บันทึกรายการไปแล้วนั้น ...เราคงเดาได้ว่าสื่อบางจำพวกจะเลือกอะไร ไม่งั้นเราคงไม่เห็นรายการต่างๆ หรือพิธีกรรายการและแขกรับเชิญต่างๆ ที่สร้างเรื่องราวมากมายให้กะสังคม ว่อนอยู่ในช่องนี้ เต็มไปหมด ....ผมว่าอย่ามาอ้างว่ายังไม่ได้พิสูจน์อะไรก็ยังคงออกอากาศได้เลย ที่ผ่านมาขนาดฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกัน ก็ยังออกอากาศกันลอยหน้าลอยตาเต็มไปหมด ...นับประสาอะไรกับคณะแพทย์จุฬาฯ และ สสส.ที่มีหนังสืออกมาชี้แจง ปานประหนึ่งว่าสิ่งที่แขกรับเชิญคนนึงในรายนี้ได้กระทำไปและเป็นการแหกตาประชาชนทั้งประเทศนั้น ไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด แต่โดนกลั่นแกล้งจากมือแฮกเกอร์ อะไรทำนองนั้น นี่ยังไม่นับรวมข่าวคราวจากในเว็บที่มีนักสืบตัวยงสืบมาให้ว่า อาจจะมีการปลอมแปลงลายเซ็นของมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศ (ซึ่งคงจะต้องไปตามสืบแถวถนนข้าวสารอีกแน่ๆ เพราะมีเยอะเหลือเกิน) .....อะไรก็ไม่สำคัญเท่าความจริงที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันเดียวกันกับผมนั่นแหละ เท่าที่ทราบมาเขามีข้อมูลเบื้องหลังละครฉากนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถามคนที่นั่น เพื่อนๆ เขาคงจะรู้กันดีครับ
ผมนั่งฟังน้องหมอนั่งพล่ามเรื่องสาเหตุการถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัย ก็อดอมยิ้มไม่ได้ว่า นี่เรื่องจริงหรือ เพราะถ้าใครสังเกตดีๆ ก็จะไม่สามารถจับประเด็นได้ว่า ออกเพราะอะไร การอ้างแค่ปัญหาในครอบครัว ไม่เห็นชัดเจนอะไรเลย ...เพราะความจริงก็รู้ๆ กันอยู่ว่าไม่ใช่ และในสื่อออนไลน์ก็พูดกันเยอะมากว่าเป็นเรื่องการทำร้ายกันและแฉกันจนคนอื่นเดือดร้อนอย่าสาหัส
หรือแม้กระทั่งเรื่องแฟนสาวที่อยู่ดีๆ ก็หมดสติไป แต่ก็มิได้บอกสาเหตุและวินิจฉัยโรคที่ชัดเจน ทั้งๆ ที่ประเด็นนี้น่าเห็นใจและเจ้าตัวก็พยายามนำเสนอมายาวนานและเป็นจุดขายของตัวเองมาตลอด ฟังดูยิ่งงงๆ ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น มีการข้ามช็อตของสิ่งที่น่าสนใจ เพื่อนำไปสู่ประเด็นที่ต้องการคือการดราม่า อวยกันทั้งพิธีกรและแขกรับเชิญ จนบางทีก็แทบจะทนดูไม่ไหว ...แต่ต้องดูเพราะอยากรู้ 555
ส่วนเรื่องที่บอกว่า ลิ้นหัวใจรั่วนั้น ผมว่าถ้ามีหลักฐานเหมือนรูปผมร่วงจากการให้คีโมแบบของน้องสาวมาให้ดูแบบนั้น ยังน่าเชื่อถือซะมากกว่าเสียอีกนะครับ คำพูด (ที่ดู) ดีๆ จนคนปรบมือสนั่นห้องอัดรายการว่า “ชีวิตที่เหลืออยู่ จะอุทิศเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม” ........แล้วที่เขาต้องมานั่งจับผิดกันทั้งประเทศ ที่องค์กรต่างๆ ออกมาปฏิเสธว่าคุณวุฒิที่คุณแสดงต่อสังคมมันไม่ใช่ของจริง ไม่มีใครรับรองนั้น มันหมายความว่าอย่างไร คนดูรายการหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ มีไว้เพื่อ “แหกตา” ประชาชนหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมว่าคงมีหลายคนภาวนาให้คุณเลือกคำตอบแรก (คือจบชีวิต) มากกว่าคำตอบที่สอง (คือจะสู้ต่อไป) เป็นแน่แท้นะครับ ...ผมว่าคุณพ่อเขาพูดถูกว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นหมอ และคำพูดนี้ คุณพ่อคงได้รับคำแนะนำจากคนที่รู้เบื้องหลังเขาดีว่าเขาไม่ควรเป็นหมออีกต่อไป ...เพราะอะไรเจ้าตัวคงรู้ดี....ก็น่าแปลกใจที่บางสถาบันยังอุตส่าห์รับเข้าไปเรียนต่อโดยไม่เฉลียวใจ?
ติดตามดูนะครับว่ารายการต่อไปที่จะให้เขามาออก คือรายการอะไร หลายคนคงเดาได้ ...และไม่น่าแปลกใจ เพราะเส้นทางของคนพวกนี้ วิธีการ และคำพูดเหล่านี้ หาดูได้ตามท้องตลาด เป็นวิธีการของคน (ที่อยาก) ดังในสังคมไทย เช่น ออกทีวีให้เยอะเข้าไว้ ออกมันทุกรายการ บางคนไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองให้ความรู้ได้ ก็จะออก เพราะเกรงว่าตัวตนจะหายไปจากสื่อ เขียนพ็อกเกตบุ๊ก เปิดเฟซบุ๊กให้คนกดไลค์เยอะๆ ต่อไปก็สร้างฐานอำนาจ สร้างสาวก (ที่ไร้สติมีแต่อารมณ์ดราม่า ขุ่นมัว ก้าวร้าว หูเบา) ออกรายการตอน 22 น.ของบางช่อง ออกรายการของ Mr.W ออกรายการชอง Mr.S (ผู้ฉาวโฉ่เรื่องการคอร์รัปชัน) เป็นต้น ....แหม ดูๆ ไปก็เหมือนนักการเมืองหลายๆ คนแล้วเนี่ย โชคดีที่วงการจิตเวช เขี่ยออกไปเสียก่อน แค่นี้ก็โดนพาดพิงจนอ่วมแล้ว จนจิตแพทย์หลายคนเต้นไปตามๆกัน เพราะทำให้ภาพลักษณ์วงการเสียหาย ฐานเอาความรู้ทางจิตเวชและจิตวิทยาที่อ้างว่าเชี่ยวชาญ แต่ผิดทั้งเพ มาเที่ยวนำเสนอออกสื่อ (โดยเฉพาะในอินเทอร์เน็ต)
จะว่าไปนะ สื่อบางจำพวก ก็เหมาะเจาะกับคนบางจำพวกเสียจริงไรจริง...ก็ได้แต่ภาวนาว่าดราม่าครั้งนี้ คงจะจำกัดวงอยู่ที่เรื่องราว แต่ไม่ปฏิบัติอะไรให้ประชาชนตำดำๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเดือดร้อนมากมายนะครับ นอกเหนือไปจากเรื่องรำคาญหัวใจและถูกหลอก เท่านั้น ....แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแพทยสภาจะว่ากระไรบ้าง บรรดาหมอๆ และประชาชนตาดำๆ รอคำตอบจากความขึงขังของท่านคณะกรรมการแพทยสภาอยู่...
สำหรับ นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ หรือ “หมอบอนด์” ซึ่งเป็นพิธีกรรายการ “เค้าว่ากันว่า” ทาง Workpoint TV และนักเขียนบทความประจำนิตยสารอีกหลายต่อหลายเล่มนั้น เจ้าตัวเพิ่งจะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาหลังจากได้มีคนตั้งข้อสงสัยถึงการได้มาของวุฒิการศึกษามากมาย อาทิ (วท.บ.) (พ.บ.) (ศ.ม.) (ศ.ด.) (ปร.ด.) Dr. Med. Piyawong Setthawong, (B.Sc.) (M.D.) (M.Econ.) (D.Econ.) (Ph.D.)” โดยหลังเรื่องนี้กลายเป็นข่าวออกมา ปรากฏว่าในเฟซบุ๊กและบล็อกส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็น www.facebook.com/Dr.Bond.Writer , http://doctorpiyawong.blogspot.com , www.facebook.com/piyawong.setthawong และ http://doctorpiyawong.blogspot.com ต่างก็ถูกลบข้อมูลต่างๆ ไปจนหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวโดยสำนักข่าวอิศราได้ทำการสอบถามไปยังเจ้าตัวก็ได้รับคำตอบว่าเป็นผู้ลบข้อความทั้งหมดออกไปเอง โดยให้เหตุผลว่าถูกคนแฮกเข้ามาเพิ่มเติมข้อมูลเรื่องวุฒิการศึกษาและเอางานเขียนไปแอบอ้าง พร้อมกับบอกว่าที่ไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาต่างๆ มายืนยันได้ก็เพราะบางส่วนถูกน้ำท่วมไป ก่อนจะบอกว่าจะไม่ขอตอบโต้เรื่องนี้อีกไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร รวมถึงจะขอหยุดการทำหน้าที่พิธีกรทางทีวีไปก่อน เนื่องจากเรื่องเหล่านี้กระทบจิตใจกับตนเองมาก
นอกจากนี้เมื่อมีการตรวจสอบไปยังวุฒิการศึกษาที่เจ้าตัวระบุว่ามีตำแหน่งเป็นแพทย์ประจำบ้าน สาขาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้มีการชี้แจงที่ ศธ 0512.13/0537 ในนามคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว ดร.นพ.ปิยะวงศ์ เคยฝึกอบรมสาขาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จริง แต่ได้ลาออกไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 แล้ว ดังนั้น ดร.นพ.ปิยะวงศ์ จึงไม่ได้เป็นแพทย์ประจำบ้าน สาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น และจิตแพทย์อย่างที่กล่าวอ้าง จึงขอให้ ดร.นพ.ปิยะวงศ์ แก้ไขข้อมูลเรื่องวุฒิการศึกษาให้ถูกต้องโดยด่วนด้วย เพราะทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นจิตแพทย์ หรือกำลังศึกษาทางจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขณะที่ในส่วนของนายแพทย์กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล เอง เมื่อต้นปีเจ้าตัวก็เคยตกเป็นข่าวมาแล้วเมื่อเขาได้ออกมาวิจารณ์การทำงานของช่อง 3 หลังมีการแบนละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2” พร้อมกับประกาศขอลาออกจากการทำหน้าที่ในรายการ “ชูรัก ชูรส” ที่ทำอยู่ (อ่านรายละเอียดที่ มือดีแฮกเว็บช่อง 3 ทวง “เหนือเมฆ 2” ด้าน นพ.พิธีกรชูรักฯ ขอออก)
กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันทีสำหรับการออกอากาศในช่วงทอล์กโชว์ของรายการ “ทูไนท์โชว์” ดำเนินรายการโดย “ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์” เมื่อคืนที่ผ่านมา (22) ทางช่อง 3 กับการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของ นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ ซึ่งในรายการให้ข้อมูลว่าเจ้าตัวกำลังจะเรียนจบหมอ แต่ต้องลาออกกะทันหัน มาเล่นดนตรีตามร้าน ก่อนชีวิตจะพลิกผันอีกครั้งเมื่อต้องมาเห็นเพื่อนสนิทตาย แฟนเป็นเจ้าหญิงนิทรา พ่อเป็นโรคหัวใจ ขณะที่น้องสาวของตนเอง “ปิยะนุช เศรษฐวงศ์” ที่มาร่วมออกรายการด้วย ก็ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งในเม็ดเลือด ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจกลับมาเรียนแพทย์อีกครั้งจนจบออกมาพร้อมกับตั้งปณิธานไว้ว่าชีวิตที่เหลือจะอยู่เพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไป
ทั้งนี้เหตุที่กลายเป็นประเด็นขึ้นมา ก็เนื่องจากที่ผ่านมานั้นตัวแขกรับเชิญของรายการอย่าง นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ เองกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงที่มาของวุฒิการศึกษา ซึ่งเจ้าตัวได้ระบุไว้ว่าเรียนจบการศึกษาจากหลายสาขา ทั้งวิทยาศาสตร์บัณฑิต, แพทยศาสตร์บัณฑิต, เศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ปริญญาเอกจากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งใบประกาศนียบัตรอีกนับสิบใบ ฯ ทั้งที่้เจ้าตัวเพิ่งจะมีอายุเพียง 29 ปีเท่านั้น
โดยทันทีที่รายการได้ออกอากาศไปก็เป็นทางด้านของ นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดังจาก รพ.สมิติเวชศรีนครินทร์ และเป็นอดีตวิทยากรรายการ “ชูรักชูรส” ทางช่อง 3 ที่ได้ออกมาวิจารณ์ถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กของตนเอง (นพ.กัมปนาท-ตันสิถบุตรกุล-Kampanart-Tansithabudhkun-MD) ระบุว่ารู้สึกแปลกใจมากที่ทางรายการได้นำเสนอเนื้อหาดังกล่าวราวกับเสมือนว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์และเปิดโอกาสให้คนที่กำลังถูกสังคมสงสัยถึงความไม่โปร่งใสได้แก้ตัว ซึ่งอาจจะทำให้คนดูเกิดความสับสนได้
...ที่แปลกใจ เพราะรู้ทั้งรู้ว่าแขกรับเชิญคนนึงในสองคนนั้น มีปัญหาเรื่องความโปร่งใสเรื่องความถูกต้องในคุณวุฒิการศึกษา ที่สังคมกำลังจับตามองอย่างหนัก รอการพิสูจน์อีกมากมาย แต่รายการประเภทนี้ก็สะท้อนตัวตนของความเป็นสื่อช่องนี้ คือ อะไรเป็นข่าวดัง เรตติ้งดี ไม่ว่าจะถูกผิดก็จะนำมาออกอากาศเสมอ แม้ว่าจะสามารถตัดต่อหรือทำใหม่ได้ (เนื่องจากทราบมาว่ามีการบันทึกเทปมาก่อนล่วงหน้าหลายเดือน พอมีเวลาจัดแจงใหม่ได้ หากอะไรยังไม่เหมาะสมจะนำมาออกอากาศ) แม้ว่าแขกรับเชิญอีกท่านจะน่าสงสาร น่าเห็นใจ และเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมก็ตาม แต่เนื่องจากความเกี่ยวพันตรงนี้ การนำเสนอออกมาแบบนี้ ก็ทำให้คนดูยิ่งสับสนและดูเสมือนว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์และเปิดโอกาสให้แก้ตัวสำหรับบางคนที่สังคมกำลังจับตามองว่าไม่โปร่งใสอยู่
ผมว่าคนทำสื่อส่วนใหญ่คงจะรู้ดีว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน ถ้าหากว่าจะพูดถึงจริยธรรมในการนำเสนอ กับค่าใช้จ่ายที่บันทึกรายการไปแล้วนั้น ...เราคงเดาได้ว่าสื่อบางจำพวกจะเลือกอะไร ไม่งั้นเราคงไม่เห็นรายการต่างๆ หรือพิธีกรรายการและแขกรับเชิญต่างๆ ที่สร้างเรื่องราวมากมายให้กะสังคม ว่อนอยู่ในช่องนี้ เต็มไปหมด ....ผมว่าอย่ามาอ้างว่ายังไม่ได้พิสูจน์อะไรก็ยังคงออกอากาศได้เลย ที่ผ่านมาขนาดฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกัน ก็ยังออกอากาศกันลอยหน้าลอยตาเต็มไปหมด ...นับประสาอะไรกับคณะแพทย์จุฬาฯ และ สสส.ที่มีหนังสืออกมาชี้แจง ปานประหนึ่งว่าสิ่งที่แขกรับเชิญคนนึงในรายนี้ได้กระทำไปและเป็นการแหกตาประชาชนทั้งประเทศนั้น ไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด แต่โดนกลั่นแกล้งจากมือแฮกเกอร์ อะไรทำนองนั้น นี่ยังไม่นับรวมข่าวคราวจากในเว็บที่มีนักสืบตัวยงสืบมาให้ว่า อาจจะมีการปลอมแปลงลายเซ็นของมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศ (ซึ่งคงจะต้องไปตามสืบแถวถนนข้าวสารอีกแน่ๆ เพราะมีเยอะเหลือเกิน) .....อะไรก็ไม่สำคัญเท่าความจริงที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันเดียวกันกับผมนั่นแหละ เท่าที่ทราบมาเขามีข้อมูลเบื้องหลังละครฉากนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถามคนที่นั่น เพื่อนๆ เขาคงจะรู้กันดีครับ
ผมนั่งฟังน้องหมอนั่งพล่ามเรื่องสาเหตุการถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัย ก็อดอมยิ้มไม่ได้ว่า นี่เรื่องจริงหรือ เพราะถ้าใครสังเกตดีๆ ก็จะไม่สามารถจับประเด็นได้ว่า ออกเพราะอะไร การอ้างแค่ปัญหาในครอบครัว ไม่เห็นชัดเจนอะไรเลย ...เพราะความจริงก็รู้ๆ กันอยู่ว่าไม่ใช่ และในสื่อออนไลน์ก็พูดกันเยอะมากว่าเป็นเรื่องการทำร้ายกันและแฉกันจนคนอื่นเดือดร้อนอย่าสาหัส
หรือแม้กระทั่งเรื่องแฟนสาวที่อยู่ดีๆ ก็หมดสติไป แต่ก็มิได้บอกสาเหตุและวินิจฉัยโรคที่ชัดเจน ทั้งๆ ที่ประเด็นนี้น่าเห็นใจและเจ้าตัวก็พยายามนำเสนอมายาวนานและเป็นจุดขายของตัวเองมาตลอด ฟังดูยิ่งงงๆ ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น มีการข้ามช็อตของสิ่งที่น่าสนใจ เพื่อนำไปสู่ประเด็นที่ต้องการคือการดราม่า อวยกันทั้งพิธีกรและแขกรับเชิญ จนบางทีก็แทบจะทนดูไม่ไหว ...แต่ต้องดูเพราะอยากรู้ 555
ส่วนเรื่องที่บอกว่า ลิ้นหัวใจรั่วนั้น ผมว่าถ้ามีหลักฐานเหมือนรูปผมร่วงจากการให้คีโมแบบของน้องสาวมาให้ดูแบบนั้น ยังน่าเชื่อถือซะมากกว่าเสียอีกนะครับ คำพูด (ที่ดู) ดีๆ จนคนปรบมือสนั่นห้องอัดรายการว่า “ชีวิตที่เหลืออยู่ จะอุทิศเพื่อทำประโยชน์ให้สังคม” ........แล้วที่เขาต้องมานั่งจับผิดกันทั้งประเทศ ที่องค์กรต่างๆ ออกมาปฏิเสธว่าคุณวุฒิที่คุณแสดงต่อสังคมมันไม่ใช่ของจริง ไม่มีใครรับรองนั้น มันหมายความว่าอย่างไร คนดูรายการหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ มีไว้เพื่อ “แหกตา” ประชาชนหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมว่าคงมีหลายคนภาวนาให้คุณเลือกคำตอบแรก (คือจบชีวิต) มากกว่าคำตอบที่สอง (คือจะสู้ต่อไป) เป็นแน่แท้นะครับ ...ผมว่าคุณพ่อเขาพูดถูกว่าเขาไม่เหมาะที่จะเป็นหมอ และคำพูดนี้ คุณพ่อคงได้รับคำแนะนำจากคนที่รู้เบื้องหลังเขาดีว่าเขาไม่ควรเป็นหมออีกต่อไป ...เพราะอะไรเจ้าตัวคงรู้ดี....ก็น่าแปลกใจที่บางสถาบันยังอุตส่าห์รับเข้าไปเรียนต่อโดยไม่เฉลียวใจ?
ติดตามดูนะครับว่ารายการต่อไปที่จะให้เขามาออก คือรายการอะไร หลายคนคงเดาได้ ...และไม่น่าแปลกใจ เพราะเส้นทางของคนพวกนี้ วิธีการ และคำพูดเหล่านี้ หาดูได้ตามท้องตลาด เป็นวิธีการของคน (ที่อยาก) ดังในสังคมไทย เช่น ออกทีวีให้เยอะเข้าไว้ ออกมันทุกรายการ บางคนไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองให้ความรู้ได้ ก็จะออก เพราะเกรงว่าตัวตนจะหายไปจากสื่อ เขียนพ็อกเกตบุ๊ก เปิดเฟซบุ๊กให้คนกดไลค์เยอะๆ ต่อไปก็สร้างฐานอำนาจ สร้างสาวก (ที่ไร้สติมีแต่อารมณ์ดราม่า ขุ่นมัว ก้าวร้าว หูเบา) ออกรายการตอน 22 น.ของบางช่อง ออกรายการของ Mr.W ออกรายการชอง Mr.S (ผู้ฉาวโฉ่เรื่องการคอร์รัปชัน) เป็นต้น ....แหม ดูๆ ไปก็เหมือนนักการเมืองหลายๆ คนแล้วเนี่ย โชคดีที่วงการจิตเวช เขี่ยออกไปเสียก่อน แค่นี้ก็โดนพาดพิงจนอ่วมแล้ว จนจิตแพทย์หลายคนเต้นไปตามๆกัน เพราะทำให้ภาพลักษณ์วงการเสียหาย ฐานเอาความรู้ทางจิตเวชและจิตวิทยาที่อ้างว่าเชี่ยวชาญ แต่ผิดทั้งเพ มาเที่ยวนำเสนอออกสื่อ (โดยเฉพาะในอินเทอร์เน็ต)
จะว่าไปนะ สื่อบางจำพวก ก็เหมาะเจาะกับคนบางจำพวกเสียจริงไรจริง...ก็ได้แต่ภาวนาว่าดราม่าครั้งนี้ คงจะจำกัดวงอยู่ที่เรื่องราว แต่ไม่ปฏิบัติอะไรให้ประชาชนตำดำๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเดือดร้อนมากมายนะครับ นอกเหนือไปจากเรื่องรำคาญหัวใจและถูกหลอก เท่านั้น ....แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแพทยสภาจะว่ากระไรบ้าง บรรดาหมอๆ และประชาชนตาดำๆ รอคำตอบจากความขึงขังของท่านคณะกรรมการแพทยสภาอยู่...
สำหรับ นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ หรือ “หมอบอนด์” ซึ่งเป็นพิธีกรรายการ “เค้าว่ากันว่า” ทาง Workpoint TV และนักเขียนบทความประจำนิตยสารอีกหลายต่อหลายเล่มนั้น เจ้าตัวเพิ่งจะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาหลังจากได้มีคนตั้งข้อสงสัยถึงการได้มาของวุฒิการศึกษามากมาย อาทิ (วท.บ.) (พ.บ.) (ศ.ม.) (ศ.ด.) (ปร.ด.) Dr. Med. Piyawong Setthawong, (B.Sc.) (M.D.) (M.Econ.) (D.Econ.) (Ph.D.)” โดยหลังเรื่องนี้กลายเป็นข่าวออกมา ปรากฏว่าในเฟซบุ๊กและบล็อกส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็น www.facebook.com/Dr.Bond.Writer , http://doctorpiyawong.blogspot.com , www.facebook.com/piyawong.setthawong และ http://doctorpiyawong.blogspot.com ต่างก็ถูกลบข้อมูลต่างๆ ไปจนหมด
เมื่อผู้สื่อข่าวโดยสำนักข่าวอิศราได้ทำการสอบถามไปยังเจ้าตัวก็ได้รับคำตอบว่าเป็นผู้ลบข้อความทั้งหมดออกไปเอง โดยให้เหตุผลว่าถูกคนแฮกเข้ามาเพิ่มเติมข้อมูลเรื่องวุฒิการศึกษาและเอางานเขียนไปแอบอ้าง พร้อมกับบอกว่าที่ไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาต่างๆ มายืนยันได้ก็เพราะบางส่วนถูกน้ำท่วมไป ก่อนจะบอกว่าจะไม่ขอตอบโต้เรื่องนี้อีกไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร รวมถึงจะขอหยุดการทำหน้าที่พิธีกรทางทีวีไปก่อน เนื่องจากเรื่องเหล่านี้กระทบจิตใจกับตนเองมาก
นอกจากนี้เมื่อมีการตรวจสอบไปยังวุฒิการศึกษาที่เจ้าตัวระบุว่ามีตำแหน่งเป็นแพทย์ประจำบ้าน สาขาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้มีการชี้แจงที่ ศธ 0512.13/0537 ในนามคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว ดร.นพ.ปิยะวงศ์ เคยฝึกอบรมสาขาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จริง แต่ได้ลาออกไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 แล้ว ดังนั้น ดร.นพ.ปิยะวงศ์ จึงไม่ได้เป็นแพทย์ประจำบ้าน สาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น และจิตแพทย์อย่างที่กล่าวอ้าง จึงขอให้ ดร.นพ.ปิยะวงศ์ แก้ไขข้อมูลเรื่องวุฒิการศึกษาให้ถูกต้องโดยด่วนด้วย เพราะทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นจิตแพทย์ หรือกำลังศึกษาทางจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขณะที่ในส่วนของนายแพทย์กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล เอง เมื่อต้นปีเจ้าตัวก็เคยตกเป็นข่าวมาแล้วเมื่อเขาได้ออกมาวิจารณ์การทำงานของช่อง 3 หลังมีการแบนละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2” พร้อมกับประกาศขอลาออกจากการทำหน้าที่ในรายการ “ชูรัก ชูรส” ที่ทำอยู่ (อ่านรายละเอียดที่ มือดีแฮกเว็บช่อง 3 ทวง “เหนือเมฆ 2” ด้าน นพ.พิธีกรชูรักฯ ขอออก)