กทม.โต้ใช้งบจัดกิจกรรมเมืองหนังสือโลกแค่ 800 ล้านบาท รับเจ้าหน้าที่ 50 เขต ไม่ตื่นตัว ยัน ปชช.เห็นผลงานเป็นรูปธรรมแน่นอน คาดคนกรุงอ่านหนังสือเพิ่ม 15-20 เล่มต่อปี จากเดิมปีละ 5 เล่ม
นายมานิต เตชะอภิโชติ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีการจัดกิจกรรมมหานครแห่งการอ่าน หลังจากที่ กทม.ได้รับให้เป็นเมืองหนังสือโลก ภายใต้แคมเปญอ่านกันสนั่นเมือง ที่มีประชาชนบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้งบประมาณกว่า 1,400 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรม ว่า กทม.ไม่ได้ใช้งบประมาณในการทำงานเรื่องนี้อย่างสิ้นเปลืองตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก คือ 1,400 ล้านบาท ในการจัดงานอีเวนต์ ซึ่งความจริงแล้ว กทม.ได้ตั้งงบประมาณประจำปี 2554-2556 รวมประมาณ 800 กว่าล้านบาทเท่านั้น นอกจากนี้ กทม.ยังมีภาคีเครือข่ายกว่า 100 รายมาช่วยทำงานด้วย เช่น การบริจาคหนังสือ การจัดหาหนังสือให้ หรือให้ใช้สถานที่จัดงานหนังสือ
" ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติที่รับผิดชอบของ กทม.ไม่ค่อยตื่นตัวเท่าที่ควร อย่างสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ที่จะต้องเป็นผู้นำนโยบายของกรุงเทพฯ ลงไปสู่พื้นที่ของตนเอง เช่น การจัดหาแนวร่วมภาคี การจัดหาสถานที่เป็นมุมอ่านหนังสือ โดยจากนี้จะต้องมีการประเมินผลงานของแต่ละเขตต่อไป หากพบว่ายังไม่ดีขึ้นก็คงต้องเปลี่ยนตัวบุคคลให้คนอื่นมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน” นายมินิต กล่าว
นายมานิต กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ จะมีมุมหนังสือเกิดขึ้นทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในห้างสรรพสินค้า ชุมชน โรงเรียน หมู่บ้านจัดสรร คอนโด เป็นต้น ส่วนบนรถเมล์ที่เดิมเคยมีหนังสือให้ผู้โดยสารอ่านแต่ขณะนี้หนังสือเริ่มหายไป ก็เพราะคนไทยยังติดนิสัยอ่านแล้วไม่ยอมคืน แต่ต่อจากนี้ไปก็ กทม.ก็จะหาหนังสือมาเพิ่มให้ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าภายในปี 56 นี้ ประชาชนจะเห็นผลงานของ กทม.เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน โดยจะเป็นการสร้างพื้นฐานให้คนกรุงเทพฯอ่านหนังสือ 15-20 เล่มต่อคนต่อปี จากเดิมที่มีการสำรวจพบว่ามีการอ่านหนังสือเพียง 5 เล่มต่อคนต่อปีเท่านั้น
นายมานิต เตชะอภิโชติ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีการจัดกิจกรรมมหานครแห่งการอ่าน หลังจากที่ กทม.ได้รับให้เป็นเมืองหนังสือโลก ภายใต้แคมเปญอ่านกันสนั่นเมือง ที่มีประชาชนบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้งบประมาณกว่า 1,400 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรม ว่า กทม.ไม่ได้ใช้งบประมาณในการทำงานเรื่องนี้อย่างสิ้นเปลืองตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก คือ 1,400 ล้านบาท ในการจัดงานอีเวนต์ ซึ่งความจริงแล้ว กทม.ได้ตั้งงบประมาณประจำปี 2554-2556 รวมประมาณ 800 กว่าล้านบาทเท่านั้น นอกจากนี้ กทม.ยังมีภาคีเครือข่ายกว่า 100 รายมาช่วยทำงานด้วย เช่น การบริจาคหนังสือ การจัดหาหนังสือให้ หรือให้ใช้สถานที่จัดงานหนังสือ
" ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติที่รับผิดชอบของ กทม.ไม่ค่อยตื่นตัวเท่าที่ควร อย่างสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ที่จะต้องเป็นผู้นำนโยบายของกรุงเทพฯ ลงไปสู่พื้นที่ของตนเอง เช่น การจัดหาแนวร่วมภาคี การจัดหาสถานที่เป็นมุมอ่านหนังสือ โดยจากนี้จะต้องมีการประเมินผลงานของแต่ละเขตต่อไป หากพบว่ายังไม่ดีขึ้นก็คงต้องเปลี่ยนตัวบุคคลให้คนอื่นมาทำหน้าที่ตรงนี้แทน” นายมินิต กล่าว
นายมานิต กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในเร็วๆ นี้ จะมีมุมหนังสือเกิดขึ้นทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในห้างสรรพสินค้า ชุมชน โรงเรียน หมู่บ้านจัดสรร คอนโด เป็นต้น ส่วนบนรถเมล์ที่เดิมเคยมีหนังสือให้ผู้โดยสารอ่านแต่ขณะนี้หนังสือเริ่มหายไป ก็เพราะคนไทยยังติดนิสัยอ่านแล้วไม่ยอมคืน แต่ต่อจากนี้ไปก็ กทม.ก็จะหาหนังสือมาเพิ่มให้ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าภายในปี 56 นี้ ประชาชนจะเห็นผลงานของ กทม.เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน โดยจะเป็นการสร้างพื้นฐานให้คนกรุงเทพฯอ่านหนังสือ 15-20 เล่มต่อคนต่อปี จากเดิมที่มีการสำรวจพบว่ามีการอ่านหนังสือเพียง 5 เล่มต่อคนต่อปีเท่านั้น
