น่ายินดีที่หน่วยงานรัฐกระโดดลงมาเป็นแม่งานอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในการสนับสนุนกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษาที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สนับสนุนกิจกรรม ลด ละ เลิก การดื่มสุราอย่างเป็นรูปธรรม โดยล่าสุดออกมติ ครม.เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประกาศให้เทศกาลเข้าพรรษา 3 เดือน เป็นช่วงงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยให้ทุกส่วนราชการและสถานประกอบการสนับสนุนกิจกรรม “โครงการรณรงค์งดดื่มสุราแห่งชาติ 2556” ภายใต้แนวคิดทำความดีถวายในหลวง รวมถึงให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดจัดพิธีลงนามปฏิญาณตนงดดื่มสุราช่วงเข้าพรรษา ประชาสัมพันธ์โทษและผลกระทบจากการดื่ม
กิจกรรมการงดเหล้าเข้าพรรษา ถือเป็นกิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย ก็ถือเป็นการลด ละ อบายมุขอย่างเครื่องดื่มสุรา เครื่องดื่มมึนเมา ถือศีล- สร้างบุญ ลดบาป ให้กับตัวเอง แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่ 3 เดือน แต่สำหรับบางคน หากตั้งใจปฏิบัติเคร่งครัด อย่างจริงจังก็นำมาสู่ผลดีกับชีวิตและครอบครัวอย่างใหญ่หลวง ด้วยการ ลด ละ เลิก เหล้า ตลอดชีวิต ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย
ที่สำคัญไปกว่านั้น ถือเป็นการลดจำนวนของผู้ดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมได้จำนวนหนึ่ง และนั้นหมายถึงครอบครัวหนึ่งได้ปลดทุกข์ปัญหาหลายประการ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ความรุนแรงในครอบครอบครัวและปัญหาสุขภาพ ภายใต้สถานการณ์อันตรายของนักดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทยที่มียอดทวีเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอายุเฉลี่ยของเยาวชนที่เดินหน้าเข้าหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอัตราที่น่าตกใจ
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค ระบุข้อมูลที่น่าวิตกว่า จากรายงานของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ล่าสุด ปี 2556 พบว่า นักดื่มเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 5 เท่าตัว โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน อายุระหว่าง 15-24 ปี พบว่าดื่มสุราเกือบ 2.5 ล้านคน คิดเป็น 15% ของนักดื่มทั้งหมด โดยเฉลี่ยผู้ชายเริ่มดื่มเมื่ออายุ 19 ปี ผู้หญิงเฉลี่ย 24 ปี โดยคนรุ่นหลังเริ่มดื่มเร็วกว่าคนรุ่นเก่า
“ปัจจุบันพบว่ามีผู้ดื่มสุราเป็นประจำ 7.5 ล้านคน ในจำนวนนี้ 20% หรือประมาณ 2 ล้านคน อยู่ในขั้นติดเหล้าต้องดื่มทุกวัน หรือเกือบทุกวัน โดยปริมาณการดื่มเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 37 ลิตรต่อคนปี ในปี 2540 เป็น 52 ลิตร ในปี 2554”
ขณะที่สถานที่ที่นิยมซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุด คือ ร้านขายของชำ และอาชีพที่ดื่มสุรามากที่สุดคือ อาชีพช่างฝีมือ รองลงมาคือ เกษตรกร ประมง โดยจากข้อมูลระบุว่า ประชากรภาคเหนือมีอัตราการดื่มสูงที่สุดในประเทศเฉลี่ย 39% รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 37% ภาคกลาง 28% กทม.23% และภาคใต้ 19% ส่วนจังหวัดที่มีนักดื่มมากที่สุด 3 อันดับ คือ พะเยา แพร่ และ เชียงราย
ข้อมูลจากรายงานของศูนย์วิจัยปัญหาสุราข้างต้น สะท้อนภาพนักดื่มที่มีอยู่ทุกหย่อมหญ้าในสังคมไทย การนำกุศโลบายทางพุทธศาสนามาปรับใช้ถือเป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดสอดคล้อง เข้ากับอุปนิสัยวิถีชีวิตของคนไทยที่เชื่อในเรื่องบุญ บาป โดยเฉพาะ “บาปหนักในการดื่มเหล้าเข้าพรรษา”
การโฆษณา รณรงค์สนับสนุน กิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษา แม้จะสวนทางกับความคิดของกลุ่มคนบางกลุ่ม ที่ระบุว่าไม่ได้ผลอย่างแท้จริง แค่โฆษณารายวัน แต่อย่างน้อย กิจกรรมรณรงค์ที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชนสมัครสมานสามัคคีกัน กระตุ้นจิตสำนึกทำกันอย่างจริงจัง ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญว่า เห็นปัญหาร่วม และพร้อมจะมองหาลู่ทางการแก้ปัญหา ตัดตอน ป้องกัน อันตรายจากพิษภัยของน้ำเมา ที่ทำลายชีวิตคนไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมมาอย่างต่อเนื่อง
คนไทยควรช่วยกันสนับสนุน ร่วมมือตามมติ ครม.ที่เห็นชอบให้ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นช่วงของการงดดื่มสุราแห่งชาติ ทำความดีถวายในหลวง ตามที่ทางคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติเสนอ ด้วยการงดเว้นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ด้วยเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพและสังคมหลายประการ อีกทั้งเป็นปัจจัยหลักของปัญหาอาชญากรรม
รวมทั้งเชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ “งดเหล้าเข้าพรรษา ชีวิตใหม่ เพื่อตนเองและครอบครัว” ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คน ในการลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเน้นแนวคิด หรือวิธีในการลดละเลิก รวมถึงผลที่เกิดขึ้นต่อตนเอง ครอบครัว คนรอบข้าง โดยไม่จำกัดเทคนิคในการนำเสนอ ความยาวไม่เกิน 2 นาที ส่งมาที่ fan page facebook “เครือข่ายงดเหล้า” ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค.2556 โดยผลงานจะได้รับทันทีเป็น เสื้อยืด “งดเหล้าเข้าพรรษา”
หากที่ผ่านมาคุณไม่เคยลด ละ เลิก ดื่มแอลกอฮอล์มาก่อน บอกตัวเองให้ลองดูสักครั้ง เพราะหากลงมือหยุดก็ได้รู้ว่าสามารถเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตใหม่ได้ แล้วต่อยอดความสำเร็จที่ชนะใจตัวเอง “ในช่วง 3 เดือน หยุดเหล้าเข้าพรรษา แล้วต่อเวลา เลิกเหล้าทั้งชีวิต”
