ชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย “บวช ทำให้ฐานะทางการเงินดีขึ้น”

นิด้าโพล เผยผลสำรวจชาวพุทธ ระบุ พระสงฆ์ควรเผยแพร่พุทธศาสนา ปฏิบัติกิจนิมนต์ ลั่นไม่เห็นด้วยมาบวชเป็นพระทำให้ฐานะทางการเงินดีขึ้น

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “พระสงฆ์ ศาสนา กับความเชื่อและความศรัทธาของประชาชน” ระหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2556 จากพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วประเทศ จำนวน 1,254 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ

ผลจากการสำรวจเมื่อถามถึงบทบาทหรือหน้าที่ของพระสงฆ์ที่ควรทำ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 88.28 เห็นว่า พระสงฆ์มีหน้าที่เผยแพร่หลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รองลงมา ร้อยละ 39.47 ปฏิบัติกิจนิมนต์ทางศาสนา เช่น งานบวช, งานขึ้นบ้านใหม่, งานศพ และร้อยละ 11.24 อุทิศตนให้สังคม เช่น สอนหนังสือเด็ก ดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ

เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการบวชเป็นพระ ว่ามีส่วนทำให้มีฐานะทางการเงินดีขึ้นหรือไม่นั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.26 ไม่เห็นด้วย เพราะ เงินบริจาคที่ได้มาบางส่วนก็เป็นของวัด บางวัดก็อยู่ในพื้นที่ชนบท จึงไม่ค่อยมีกิจนิมนต์มากเท่ากับวัดในเขตเมือง หรือวัดใหญ่ๆ ขณะที่ ร้อยละ 23.92 เห็นด้วย เพราะมีปรากฏให้เห็นอยู่ในตามข่าวและในสังคม

ด้านความคิดเห็นต่อการที่พุทธศาสนิกชนเข้าวัดทำบุญเป็นเพราะมีความเชื่อหรือความศรัทธาในสิ่งใดมากที่สุด พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 88.84 เชื่อหรือศรัทธาในหลักธรรมคำสั่งสอนของพุทธศาสนา อานิสงส์ผลบุญแห่งกรรม ความดีและความชั่ว รองลงมา ร้อยละ 5.10 เชื่อหรือศรัทธาในวัดหรือชื่อเสียงของวัด และร้อยละ 4.31 เชื่อหรือศรัทธาในตัวพระสงฆ์หรือชื่อเสียงของพระสงฆ์

ด้านความคิดเห็นต่อความเชื่อมั่นหรือความศรัทธาในพระพุทธศาสนาจากกรณีที่มีข่าวฉาวของพระสงฆ์ในวงการพระพุทธศาสนาในขณะนี้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 72.33 ยังมีความเชื่อหรือศรัทธาในพระพุทธศาสนาเท่าเดิม/ไม่ลดลง ขณะที่ ร้อยละ 26.87 ระบุว่าลดลง

สำหรับกรณีที่มีข่าว เณรคำ ซื้อรถยนต์และได้มอบรถให้กับองค์กรและพระผู้ใหญ่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.04 เห็นว่า องค์กรและพระผู้ใหญ่ควรคืนรถยนต์ที่ได้มาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามกฎหมาย รองลงมา ร้อยละ 10.21 องค์กรและพระผู้ใหญ่ใช้รถยนต์ต่อไป

ท้ายสุด เมื่อถามการเปิดเผยรายชื่อองค์กรหรือพระผู้ใหญ่ที่รับมอบรถจากเณรคำ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 65.07 เห็นว่า ควรเปิดเผยรายชื่อ ขณะที่ ร้อยละ 21.13 เห็นว่าไม่ควรเปิดเผย