“นพรัตน์” จี้ พศจ.ตรวจสถานะสาขาสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมทั่วประเทศ หากพบเบาะแสรับเงินส่งสาขาใหญ่ เล็งยื่นถอนพาสปอร์ต 15 ก.ค.ขณะที่กรมศิลป์อุบลฯ ชี้วัสดุสร้างพระแก้วมรกตจำลองคาดเป็นหินไม่ใช่หยก
วันนี้ (11 ก.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ เร่งดำเนินการตรวจสอบสถานะสาขาของสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม ซึ่งมีจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ ว่าขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ การเข้าไปจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมได้ขออนุญาตตามขั้นตอนหรือไม่ ที่ดินที่ตั้งเป็นของใคร เจ้าคณะปกครองในพื้นที่ทราบเรื่องหรือไม่ รวมถึงพระสงฆ์ไปพำนักที่สำนักสงฆ์แต่ละสาขาได้ขออนุญาตเจ้าคณะปกครองไหม และต้องตรวจสอบว่าการเรี่ยไรเงินบริจาคของแต่ละสาขาแล้วนำไปทำกิจกรรมอะไรบ้าง เพราะทราบมาว่าบางแห่งนอกจากไม่ขออนุญาตแล้วอาจจะเป็นหน่วยรับเงินเพื่อส่งสาขาใหญ่ ทั้งนี้ทราบมาว่ามีสาขาของสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมไม่ต่ำกว่า 10 แห่งที่ต้องตรวจสอบให้ละเอียด
ขณะเดียวกันได้กำชับให้ พศจ.ทุกแห่ง เร่งตรวจสอบว่าในพื้นที่ของตนมีสาขาของสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมตั้งหรือไม่ หากพบว่ามีก็ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด และให้รายงานกลับมาให้ส่วนกลางรับทราบโดยเร็วที่สุด ส่วนที่ถามว่า พศ.จะดำเนินการอย่างไรเรื่องทรัพย์สินที่หลวงปู่เณรคำ นำไปถวายหรือว่าบริจาคให้วัดต่างๆ นั้น เรื่องนี้ต้องรอผลการสอบสวนจากดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากพบว่าทรัพย์สินหรือว่าเงินที่นำไปซื้อสิ่งของต่างๆ ได้มาไม่ถูกกฎหมายก็จะต้องส่งคืน
ผู้อำนวยการ พศ.กล่าวว่า ความคืบหน้าการยกเลิกหนังสือเดินทางหลวงปู่เณรคำนั้น เอกสารทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมแล้ว รอหลังจากวันที่ 12 ก.ค.หากไม่เดินทางกลับมา ต้องถูกขับออกจากสังกัด เจ้าคณะปกครองก็จะออกคำสั่งให้สึก เพราะเป็นพระไม่มีสังกัด ประกอบกับดีเอสไอชี้มูลความผิดทางอาญา ดังนั้นการยื่นยกเลิกหนังสือเดินทางจึงต้องรอก่อน เพราะจะใช้หนังสือขับออกจากวัดและคำสั่งให้สึกมาประกอบการยื่นด้วย โดยวันที่ 15 ก.ค. พศ.และศูนย์ควบคุมพระภิกษุสามเณรไปต่างประเทศ (ศ.ต.ภ.) จะยื่นให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) พิจารณาถอนหนังสือเดินทาง
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีมีการนำเสนอข่าวว่า วัดที่บ้านคำไฮ ต.หาดแพง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มีพระรูปหนึ่งใช้ชื่อหลวงปู่เณรคำ และพบว่าพระสงฆ์มีพฤติกรรมหลายอย่างน่าสงสัยคล้ายกับหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมนั้น ตอนนี้ตนยังไม่มีข้อมูล มีแต่การบอกเล่าเท่านั้น ต้องรอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) จ.นครพนม ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานกลับให้ทราบก่อน อย่างไรก็ตามเรื่องลักษณะนี้ พศจ.และเจ้าคณะปกครองก็จะต้องเข้าไปตรวจสอบเพราะส่วนกลางไม่มีอำนาจไปดำเนินการ
**กรมศิลป์ ชี้วัสดุสร้าง “พระแก้ว” เป็นหิน ไม่ใช่หยก
นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบวัสดุที่ใช้ก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลอง ที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมว่า หลังได้เก็บเศษวัสดุที่ใช้สร้างพระแก้วมรกตจำลองมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานมาเมื่อสำรวจด้วยสายตาเบื้องต้นเห็นว่าวัสดุดังกล่าวเป็นเพียงหินชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่หยก เพราะลักษณะของหยกเมื่อดูด้วยตาจะมีใสโปร่งชัดเจน มองทะลุผ่านได้ เมื่อสัมผัสเนื้อจะรู้สึกเย็น แต่วัสดุที่ได้มาจากที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรมเมื่อมองแล้วมีลักษณะทึบ เป็นแผ่นเล็กๆ เท่ากับกระเป๋าเงินแล้วนำมาต่อกันเป็นแผ่นๆ อย่างไรก็ตาม เพื่อความชัดเจนตนจะส่งวัสดุที่ทางสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมไปตรวจพิสูจน์ด้วยเทคนิควิธีทางวิทยาศาสตร์ในสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีอีกครั้ง ส่วนเรื่องการขออนุญาตสร้างพระแก้วมรกตซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญที่ปรากฏตามบัญชีแนบท้ายระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520 นั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมแต่อย่างใด