กยศ.เตือนรุ่นพี่ผู้กู้ยืม กยศ.และกองทุน กรอ.ยื่นชำระเงินคืนภายในวันที่ 5 ก.ค.นี้ ไม่เช่นนั้นอาจเสียเบี้ยปรับ วอนรีบใช้คืนเพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษารุ่นน้อง
ดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า เนื่องจากวันที่ 5 ก.ค.ของทุกปี เป็นวันครบกำหนดชำระเงินคืนกองทุนฯ สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่สำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว 2 ปีขึ้นไป จำนวนประมาณ 3 ล้านราย ประกอบด้วย ผู้กู้ยืมกองทุน กยศ.ที่ครบกำหนดคืนเงินครั้งแรก รุ่นปี 2542-2556 (เรียนจบปีการศึกษา 2539-2553) และผู้กู้ยืมกองทุน กรอ.ที่ครบกำหนดครั้งแรก รุ่นปี 2554-2556 (เรียนจบปีการศึกษา 2551-2553) ซึ่งมีหน้าที่ชำระเงินคืนตามที่กองทุนฯ กำหนดให้ผ่อนชำระเป็นรายปีหรือรายเดือนให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 15 ปี คิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ของยอดเงินกู้ หากผู้กู้ยืมชำระเงินคืนหลังวันที่ 5 ก.ค.จะต้องเสียเบี้ยปรับถึงร้อยละ 12-18 ต่อปี และสุดท้ายถ้าผู้กู้ยืมไม่มาชำระเงินคืนเลย อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เนื่องจากเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน ที่นำมาให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งในปีนี้ กองทุนฯ ตั้งเป้ายอดรับชำระหนี้ให้ได้จำนวน 12,500 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบัน กองทุนฯ ต้องใช้เงินปล่อยกู้มากถึงปีงบประมาณละ 42,000 ล้านบาท ซึ่งหากเงินชำระคืนไม่เป็นไปตามเป้าหมายอาจส่งผลกระทบกับการให้กู้ยืมได้
กองทุนฯ จึงขอให้ผู้กู้ยืมรุ่นพี่มาชำระเงินคืนเพื่อเป็นการส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษารุ่นน้อง ได้มีโอกาสเรียนต่อมากขึ้น ซึ่งการชำระเงินคืนตรงตามกำหนดเวลาถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่ที่มีความรับผิดชอบและมีวินัยทางการเงิน ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถชำระเงินคืนได้ที่ช่องทางของธนาคารที่ผู้กู้ยืมเคยได้รับเงินโอน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และสามารถตรวจสอบยอดหนี้ ได้ทาง www.studentloan.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2610-4888
ดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า เนื่องจากวันที่ 5 ก.ค.ของทุกปี เป็นวันครบกำหนดชำระเงินคืนกองทุนฯ สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่สำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว 2 ปีขึ้นไป จำนวนประมาณ 3 ล้านราย ประกอบด้วย ผู้กู้ยืมกองทุน กยศ.ที่ครบกำหนดคืนเงินครั้งแรก รุ่นปี 2542-2556 (เรียนจบปีการศึกษา 2539-2553) และผู้กู้ยืมกองทุน กรอ.ที่ครบกำหนดครั้งแรก รุ่นปี 2554-2556 (เรียนจบปีการศึกษา 2551-2553) ซึ่งมีหน้าที่ชำระเงินคืนตามที่กองทุนฯ กำหนดให้ผ่อนชำระเป็นรายปีหรือรายเดือนให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 15 ปี คิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ของยอดเงินกู้ หากผู้กู้ยืมชำระเงินคืนหลังวันที่ 5 ก.ค.จะต้องเสียเบี้ยปรับถึงร้อยละ 12-18 ต่อปี และสุดท้ายถ้าผู้กู้ยืมไม่มาชำระเงินคืนเลย อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เนื่องจากเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน ที่นำมาให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งในปีนี้ กองทุนฯ ตั้งเป้ายอดรับชำระหนี้ให้ได้จำนวน 12,500 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบัน กองทุนฯ ต้องใช้เงินปล่อยกู้มากถึงปีงบประมาณละ 42,000 ล้านบาท ซึ่งหากเงินชำระคืนไม่เป็นไปตามเป้าหมายอาจส่งผลกระทบกับการให้กู้ยืมได้
กองทุนฯ จึงขอให้ผู้กู้ยืมรุ่นพี่มาชำระเงินคืนเพื่อเป็นการส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษารุ่นน้อง ได้มีโอกาสเรียนต่อมากขึ้น ซึ่งการชำระเงินคืนตรงตามกำหนดเวลาถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่ที่มีความรับผิดชอบและมีวินัยทางการเงิน ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถชำระเงินคืนได้ที่ช่องทางของธนาคารที่ผู้กู้ยืมเคยได้รับเงินโอน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และสามารถตรวจสอบยอดหนี้ ได้ทาง www.studentloan.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2610-4888