กยศ.ร่วมกับ สำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม จัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดี เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้กู้ยืมตั้งแต่วันที่ 7-12 พฤษภาคม 2556 ที่ศาลแพ่ง รัชดาภิเษก
นายโสฬส สุวรรณเนตร์ อธิบดีผู้พิพากษา ศาลแพ่ง เปิดเผยว่า เนื่องจากสำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการค้างชำระหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในปี 2556 ซึ่งมีผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้เกิน 5 งวดขึ้นไป จำนวนกว่า 149,000 ราย จึงได้ร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดีขึ้นที่ศาลจังหวัดและศาลแขวง ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม-1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา รวม 10 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ ศาลแขวงเชียงใหม่, ศาลแขวงนครศรีธรรมราช, ศาลแขวงสงขลา, ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี, ศาลแขวงพิษณุโลก, ศาลจังหวัดนครราชสีมา, ศาลแขวงชลบุรี, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, ศาลแขวงลำปาง, ศาลแขวงขอนแก่น และจัดขึ้นที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เป็นแห่งสุดท้าย ระหว่างวันที่ 7-12 พฤษภาคม 2556 โดยขอเชิญชวนผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้กลุ่มดังกล่าวให้เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยฯ เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นในการเข้าร่วมโครงการ”
ดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนฯ ได้มีการออกหนังสือเชิญชวนผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ให้มาแสดงตนและมีโอกาสทำ การเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดี เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ผู้กู้ยืมตามนโยบายรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้เกิดการฟ้องคดีเกี่ยวกับเงินกู้ ยืมเพื่อการศึกษา โดยมีทางเลือกเจรจาให้ถึง 3 ทาง ได้แก่
1.การทำหนังสือรับสภาพหนี้ เพื่อกลับมาชำระหนี้ตามปกติ
2.การทำคำรับรองชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยต้องชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมด และกองทุนฯ จะลดค่าเบี้ยปรับให้ร้อยละ 80
3.การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยต้องตกลงผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนและจะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 50
สำหรับผลการจัดโครงการฯ ใน 10 จังหวัดที่ผ่านมา มีผู้มาติดต่อเจรจาขอไกล่เกลี่ยฯ แล้ว จำนวนกว่า 15,000 ราย จึงขอเชิญชวนผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้หรือได้รับหนังสือเชิญกลุ่มดังกล่าวมา เข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยฯ เพื่อเป็นการส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป ส่วนเอกสารสำคัญที่ผู้กู้ยืมต้องเตรียมมาด้วย ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงและสำเนา สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) และหนังสือมอบอำนาจ (หากมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน) ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สายใจ กยศ.โทร. 02-610-4888
นายโสฬส สุวรรณเนตร์ อธิบดีผู้พิพากษา ศาลแพ่ง เปิดเผยว่า เนื่องจากสำนักระงับข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการค้างชำระหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในปี 2556 ซึ่งมีผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้เกิน 5 งวดขึ้นไป จำนวนกว่า 149,000 ราย จึงได้ร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาก่อนฟ้องคดีขึ้นที่ศาลจังหวัดและศาลแขวง ระหว่างวันที่ 19 มีนาคม-1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา รวม 10 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ ศาลแขวงเชียงใหม่, ศาลแขวงนครศรีธรรมราช, ศาลแขวงสงขลา, ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี, ศาลแขวงพิษณุโลก, ศาลจังหวัดนครราชสีมา, ศาลแขวงชลบุรี, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, ศาลแขวงลำปาง, ศาลแขวงขอนแก่น และจัดขึ้นที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เป็นแห่งสุดท้าย ระหว่างวันที่ 7-12 พฤษภาคม 2556 โดยขอเชิญชวนผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้กลุ่มดังกล่าวให้เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยฯ เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นในการเข้าร่วมโครงการ”
ดร.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนฯ ได้มีการออกหนังสือเชิญชวนผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ให้มาแสดงตนและมีโอกาสทำ การเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดี เพื่อเป็นการช่วยเหลือ ผู้กู้ยืมตามนโยบายรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้เกิดการฟ้องคดีเกี่ยวกับเงินกู้ ยืมเพื่อการศึกษา โดยมีทางเลือกเจรจาให้ถึง 3 ทาง ได้แก่
1.การทำหนังสือรับสภาพหนี้ เพื่อกลับมาชำระหนี้ตามปกติ
2.การทำคำรับรองชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยต้องชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมด และกองทุนฯ จะลดค่าเบี้ยปรับให้ร้อยละ 80
3.การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยต้องตกลงผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือนและจะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 50
สำหรับผลการจัดโครงการฯ ใน 10 จังหวัดที่ผ่านมา มีผู้มาติดต่อเจรจาขอไกล่เกลี่ยฯ แล้ว จำนวนกว่า 15,000 ราย จึงขอเชิญชวนผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้หรือได้รับหนังสือเชิญกลุ่มดังกล่าวมา เข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยฯ เพื่อเป็นการส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้องต่อไป ส่วนเอกสารสำคัญที่ผู้กู้ยืมต้องเตรียมมาด้วย ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงและสำเนา สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) และหนังสือมอบอำนาจ (หากมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน) ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สายใจ กยศ.โทร. 02-610-4888