สรุปผลอี-ออกชันแท็บเล็ต “บ.เซิ่นเจิ้น อิงถัง” ซิวจัดซื้อแท็บเล็ต ป.1 ทั้ง 2 โซน 1-2 ขณะที่ “บ.สุพรีม” คว้าโซน 3 ระดับ ม.1 ส่วนโซน 4 รอเริ่มดำเนินการใหม่ต้น ก.ค.“พงศ์เทพ” ชี้ราคาแท็บเล็ต ป.1 คราวนี้รวมภาษีและจัดส่งแล้วถือว่าต่ำกว่าการจัดซื้อปี 55 ที่ซื้อในราคา 2,624 บาท แต่ไม่รวมภาษีมูลค่าและการจัดส่ง
วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ที่บริษัท สวนกุหลาบ เซอรารี่ซีล จำกัด อาคารพหลโยธินเพลส ชั้น 28 กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดประมูลโครงการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตพกพาสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) ประจำปีการศึกษา 2556 ในส่วนของเด็กประถมศึกษา (ป.) 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง วงเงิน 4,611 ล้านบาท ด้วยวิธีการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) โดยจัดให้มีการประมูลเพียง 3 โซนจากทั้งหมด 4 โซน ประกอบด้วย โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง แท็บเล็ตสำหรับเด็ก ป.1, โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 373,637 เครื่อง แท็บเล็ตสำหรับนักเรียนชั้น ป.1 และโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 426,683 เครื่อง แท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ม.1 อย่างไรก็ตาม การประมูลในส่วนของโซน 4 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 402,889 เครื่อง ไม่มีการเปิดประกวดราคาเนื่องจากมีบริษัทที่ผ่านการตรวจสอบเพียงบริษัทเดียว จึงไม่สามารถทำอี-ออกชันได้ ดังนั้น สพฐ.จึงประกาศยกเลิกการดำเนินการประกวดราคาเฉพาะโซน 4 และจะดำเนินการใหม่
สำหรับข้อมูลของบริษัทที่ผ่านเข้าสู่อี-ออกชัน ทั้ง 3 โซน มีดังนี้ โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง มีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเอกสารต่างๆ แคตตาล็อต สเปก และการทดสอบตกหล่น (Drop Test) สามารถไปสู่กระบวนการอี-ออกชันได้ 3 ราย คือ บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด, บริษัท เซิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนท์ฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด และบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 373,637 เครื่อง มีผู้ผ่านคุณสมบัติเอกสารต่างๆ แคตตาล็อต สเปก และการทดสอบตกหล่น สามารถไปสู่กระบวนการอี-ออกชัน 4 ราย คือ บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง, บริษัท ไฮเออร์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท ไทยทรานสมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด และบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่นฯ และโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 426,683 เครื่อง มีผู้ผ่านคุณสมบัติเอกสารต่างๆ แคตตาล็อต สเปก และการทดสอบตกหล่น สามารถเข้าร่วมกระบวนการอีออคชั่น 2 ราย คือ บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่นฯ และบริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน)
จากนั้นเวลา 15.00 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) แถลงข่าวผลการอี-ออกชันแท็บเล็ตป.1 และ ม.1 ว่า สำหรับผลการจากการจัดอี-ออกชัน ทั้ง 3 โซน มีบริษัทที่ชนะการประมูลนั้นในโซนที่ 1 และ 2 เป็นการจัดซื้อในระดับประถมศึกษา ผลปรากฏว่า โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) ผู้ชนะการประมูล ได้แก่ บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง เสนอราคาต่ำสุดที่วงเงิน 842,000,000 บาท จากราคาเริ่มต้นประมูล 1,172,605,600 ลดลงไป 330,605,600 บาท ประหยัดไปได้ 28.19% คิดเป็นราคาต่อเครื่อง 1,953.12 บาท รวมราคาในการจัดซื้อใหม่ ราคาภาษีมูลค่าเพิ่มและการจัดส่ง ส่วนโซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ระดับ ป.1 บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง เสนอราคาต่ำสุดที่ 786,000,000 บาท จากราคาเริ่มต้น 1,016,898,640 บาท ลดลงไป 230,299,640 บาท ประหยัดไปได้ 22.66% คิดเป็นราคาต่อเครื่อง 2,103.64 บาท และสุดท้ายการประมูลอี-ออกชันแท็บเล็ต ม.1 ในโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) บริษัท สุพรีม เสนอราคาต่ำสุด 1,240,900,000 บาท จากราคาเริ่มต้น 1,245,914,360 บาท ลดลงไป 5,014,360 บาท ประหยัดไป 0.40% บาท คิดเป็นราคา 2,908.24 บาท
อย่างไรก็ตาม ราคาเครื่องแท็บเล็ตของทั้งโซนที่ 1-2 นั้น เป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มและการจัดส่งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเปรียบเทียบกับปีการศึกษา 2555 ที่จัดซื้อในราคา 2,624 บาทต่อเครื่องแต่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าและการจัดส่ง ส่วนโซนที่ 3 นั้นเป็นการจัดซื้อสำหรับระดับ ม.1 ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและยังเหลือการดำเนินการในโซนที่ 4 ของระดับ ม.1 เช่นกัน แต่ยังไม่สามารถดำเนินการอี-ออกชันคราวนี้ เพราะมีบริษัทที่ผ่านการทดสอบเพียงบริษัทเดียว เพราะฉะนั้น สพฐ.จะต้องไปดำเนินการใหม่ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะอี-ออกชันได้ปลายเดือนกรกฎาคม
นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ เลขาธิการ กพฐ.จะไปพิจารณาคุณสมบัติและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องและดำเนินการต่อรองราคากับทางบริษัทอีกครั้งว่าจะสามารถต่อรองได้อีกหรือไม่ เมื่อได้ราคาที่เป็นประโยชน์ต่อราชการก็ให้เสนอ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พิจารณาก่อนทำสัญญาจัดซื้อจัดต่อไป
ด้าน นายชินภัทร กล่าวว่า สพฐ.จะต้องไปดูในรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเจรจาและต่อรองราคากับบริษัทที่ชนะการประมูลดังกล่าวโดยเร็ว
วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ที่บริษัท สวนกุหลาบ เซอรารี่ซีล จำกัด อาคารพหลโยธินเพลส ชั้น 28 กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดประมูลโครงการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตพกพาสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) ประจำปีการศึกษา 2556 ในส่วนของเด็กประถมศึกษา (ป.) 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง วงเงิน 4,611 ล้านบาท ด้วยวิธีการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) โดยจัดให้มีการประมูลเพียง 3 โซนจากทั้งหมด 4 โซน ประกอบด้วย โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง แท็บเล็ตสำหรับเด็ก ป.1, โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 373,637 เครื่อง แท็บเล็ตสำหรับนักเรียนชั้น ป.1 และโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 426,683 เครื่อง แท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ม.1 อย่างไรก็ตาม การประมูลในส่วนของโซน 4 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 402,889 เครื่อง ไม่มีการเปิดประกวดราคาเนื่องจากมีบริษัทที่ผ่านการตรวจสอบเพียงบริษัทเดียว จึงไม่สามารถทำอี-ออกชันได้ ดังนั้น สพฐ.จึงประกาศยกเลิกการดำเนินการประกวดราคาเฉพาะโซน 4 และจะดำเนินการใหม่
สำหรับข้อมูลของบริษัทที่ผ่านเข้าสู่อี-ออกชัน ทั้ง 3 โซน มีดังนี้ โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง มีผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเอกสารต่างๆ แคตตาล็อต สเปก และการทดสอบตกหล่น (Drop Test) สามารถไปสู่กระบวนการอี-ออกชันได้ 3 ราย คือ บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด, บริษัท เซิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนท์ฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด และบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 373,637 เครื่อง มีผู้ผ่านคุณสมบัติเอกสารต่างๆ แคตตาล็อต สเปก และการทดสอบตกหล่น สามารถไปสู่กระบวนการอี-ออกชัน 4 ราย คือ บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง, บริษัท ไฮเออร์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท ไทยทรานสมิชชั่น อินดัสทรี จำกัด และบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่นฯ และโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 426,683 เครื่อง มีผู้ผ่านคุณสมบัติเอกสารต่างๆ แคตตาล็อต สเปก และการทดสอบตกหล่น สามารถเข้าร่วมกระบวนการอีออคชั่น 2 ราย คือ บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่นฯ และบริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน)
จากนั้นเวลา 15.00 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) แถลงข่าวผลการอี-ออกชันแท็บเล็ตป.1 และ ม.1 ว่า สำหรับผลการจากการจัดอี-ออกชัน ทั้ง 3 โซน มีบริษัทที่ชนะการประมูลนั้นในโซนที่ 1 และ 2 เป็นการจัดซื้อในระดับประถมศึกษา ผลปรากฏว่า โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) ผู้ชนะการประมูล ได้แก่ บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง เสนอราคาต่ำสุดที่วงเงิน 842,000,000 บาท จากราคาเริ่มต้นประมูล 1,172,605,600 ลดลงไป 330,605,600 บาท ประหยัดไปได้ 28.19% คิดเป็นราคาต่อเครื่อง 1,953.12 บาท รวมราคาในการจัดซื้อใหม่ ราคาภาษีมูลค่าเพิ่มและการจัดส่ง ส่วนโซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ระดับ ป.1 บริษัท เซิ่นเจิ้น อิงถัง เสนอราคาต่ำสุดที่ 786,000,000 บาท จากราคาเริ่มต้น 1,016,898,640 บาท ลดลงไป 230,299,640 บาท ประหยัดไปได้ 22.66% คิดเป็นราคาต่อเครื่อง 2,103.64 บาท และสุดท้ายการประมูลอี-ออกชันแท็บเล็ต ม.1 ในโซน 3 (ภาคกลางและภาคใต้) บริษัท สุพรีม เสนอราคาต่ำสุด 1,240,900,000 บาท จากราคาเริ่มต้น 1,245,914,360 บาท ลดลงไป 5,014,360 บาท ประหยัดไป 0.40% บาท คิดเป็นราคา 2,908.24 บาท
อย่างไรก็ตาม ราคาเครื่องแท็บเล็ตของทั้งโซนที่ 1-2 นั้น เป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มและการจัดส่งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเปรียบเทียบกับปีการศึกษา 2555 ที่จัดซื้อในราคา 2,624 บาทต่อเครื่องแต่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าและการจัดส่ง ส่วนโซนที่ 3 นั้นเป็นการจัดซื้อสำหรับระดับ ม.1 ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและยังเหลือการดำเนินการในโซนที่ 4 ของระดับ ม.1 เช่นกัน แต่ยังไม่สามารถดำเนินการอี-ออกชันคราวนี้ เพราะมีบริษัทที่ผ่านการทดสอบเพียงบริษัทเดียว เพราะฉะนั้น สพฐ.จะต้องไปดำเนินการใหม่ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะอี-ออกชันได้ปลายเดือนกรกฎาคม
นายพงศ์เทพ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการต่อจากนี้ เลขาธิการ กพฐ.จะไปพิจารณาคุณสมบัติและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องและดำเนินการต่อรองราคากับทางบริษัทอีกครั้งว่าจะสามารถต่อรองได้อีกหรือไม่ เมื่อได้ราคาที่เป็นประโยชน์ต่อราชการก็ให้เสนอ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พิจารณาก่อนทำสัญญาจัดซื้อจัดต่อไป
ด้าน นายชินภัทร กล่าวว่า สพฐ.จะต้องไปดูในรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเจรจาและต่อรองราคากับบริษัทที่ชนะการประมูลดังกล่าวโดยเร็ว
