สธ.ประชุมคอนเฟอเรนซ์ สั่งการบ้าน สสจ.ควบคุมจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออก สำรองหน้ากากอนามัยป้องกันสถานการณ์ฉุกเฉินจากหมอกควันไฟใน 7 จังหวัดภาคใต้ และให้ความรู้ประชาชนเรื่องโคโรนาไวรัส โดยเฉพาะผู้ไปแสวงบุญฮัจญ์
วันนี้ (26 มิ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงสถานการณ์โรคมือเท้าปาก รวมทั้งไข้เลือดออก เนื่องจากเป็นฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูที่เริ่มมีการระบาดของโรคมือเท้าปาก แต่สถิติปีนี้เทียบกับปีที่แล้วยังอยู่ในอัตราที่ต่างกันมาก และยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยจำนวนผู้ป่วยในรอบ 6 เดือนปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี-26 มิ.ย. มีเพียง 14,496 ราย ขณะที่ปี 2555 รวมทั้งปีมีประมาณ 45,000-50,000 ราย เพราะเป็นปีที่มีการระบาด ดังนั้นสถานการณ์โรคมือเท้าปากในปีนี้ถือได้ว่ายังไม่รุนแรง ซึ่งต่างจากไข้เลือดออกในปีนี้ที่พบสูงมากกว่าปีที่ผ่านมา 3 เท่าตัว สธ.จึงให้ความสำคัญกับโรคไข้เลือดออกในลำดับต้น และได้สั่งการให้อธิบดีกรมควบคุมโรคติดตามดูแลทั้ง 2 โรคนี้ ทั้งเรื่องมาตรการป้องกันเพื่อลดจำนวนผู้ป่วย และการรักษาผู้ป่วยเพื่อลดการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญของโรคไข้เลือดออกที่พบขณะนี้ คือผู้ป่วยมาพบแพทย์ช้าเกินไป ต้องใช้ระบบส่งต่อเพราะเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลชุมชนในการดูผู้ป่วยที่อยู่ในระยะวิกฤตคือช็อกแล้ว โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกเข้ามาเรื่อยๆ จะรับไม่ทัน ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมเตียงรับผู้ป่วยไข้เลือดออก ให้จัดลำดับความสำคัญต้นๆ และมีมิสเตอร์ไข้เลือดออกดูแลรับผิดชอบ
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า การประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศครั้งนี้ เพื่อติดตามเฝ้าระวังแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออก สถานการณ์หมอกควันใน 7 จังหวัดภาคใต้ และเชื้อโคโรนาไวรัส โดยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกทั่วโลกขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเอเชียพบจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมากขึ้น อย่างสิงคโปร์ที่จากเดิมไม่เคยพบผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มาก่อน ก็มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ป่วยอีกกว่า 5,000 ราย ส่วนไทยจากข้อมูลของสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลงตั้งแต่ต้นปี 2556-25 มิ.ย.พบผู้ป่วย 54,042 ราย เสียชีวิต 62 ราย สาเหตุของการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากการมาพบแพทย์ช้า จึงมอบหมายให้แต่ละจังหวัดร่วมกันป้องกันควบคุมจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิต รวมถึงควบคุมปริมาณยุง โดยร่วมมือกับชุมชนและโรงเรียน ส่วนโรงพยาบาลให้จัดโซนผู้ป่วยไข้เลือดออกโดยเฉพาะ
“นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการจังหวัดและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ โดยใช้ข้อมูลทางระบาดวิทยาถึงระดับหมู่บ้าน และระดมกำลังหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วควบคุมหมู่บ้านที่พบการระบาด เพื่อรับผิดชอบในเรื่องการดูแลควบคุมโรคโดยเฉพาะ” ปลัด สธ.กล่าวและว่า ในเรื่องการดูแลวอร์รูมได้ให้ นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัด สธ.เป็นผู้ควบคุมรับผิดชอบการติดตามผลและความคืบหน้าทุกวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ 5 จังหวัดที่พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสูงสุด คือ สงขลา เชียงใหม่ เชียงราย นครพนม และเลย
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์หมอกควันในภาคใต้ได้เน้นให้ สสจ.เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ เด็ก และกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอดและกลุ่มโรคเรื้อรังด้วย พร้อมสั่งการให้ทุกโรงพยาบาลทำการสำรองหน้ากากอนามัยไว้แจกจ่ายให้กับประชาชนยามฉุกเฉิน แต่สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น เนื่องจากมีฝนตกลงมา ส่วนเรื่องโคโรนาไวรัสนั้น ตนกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขฉุกเฉินประสานกับสำนักบริหารกลางเรื่องการจัดเตรียมความพร้อมให้ความรู้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะใน 53 จังหวัดที่จะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และมีการเตรียมพร้อมในเรื่องของระบบเฝ้าระวังและติดตามภายหลังจากเดินทางกลับมาจากการแสวงบุญ อาทิ การตรวจโรคหาเชื้อหวัดนกและปอดบวม หากใครที่เดินทางไปแสวงบุญกลับมาแล้วเข้าข่ายหรือต้องสงสัยก็ให้มีการจัดเตรียมห้องแยกเฉพาะเพื่อติดตามประเมินผลตามแบบที่กรมควบคุมโรคกำหนดไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
วันนี้ (26 มิ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงสถานการณ์โรคมือเท้าปาก รวมทั้งไข้เลือดออก เนื่องจากเป็นฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูที่เริ่มมีการระบาดของโรคมือเท้าปาก แต่สถิติปีนี้เทียบกับปีที่แล้วยังอยู่ในอัตราที่ต่างกันมาก และยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยจำนวนผู้ป่วยในรอบ 6 เดือนปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี-26 มิ.ย. มีเพียง 14,496 ราย ขณะที่ปี 2555 รวมทั้งปีมีประมาณ 45,000-50,000 ราย เพราะเป็นปีที่มีการระบาด ดังนั้นสถานการณ์โรคมือเท้าปากในปีนี้ถือได้ว่ายังไม่รุนแรง ซึ่งต่างจากไข้เลือดออกในปีนี้ที่พบสูงมากกว่าปีที่ผ่านมา 3 เท่าตัว สธ.จึงให้ความสำคัญกับโรคไข้เลือดออกในลำดับต้น และได้สั่งการให้อธิบดีกรมควบคุมโรคติดตามดูแลทั้ง 2 โรคนี้ ทั้งเรื่องมาตรการป้องกันเพื่อลดจำนวนผู้ป่วย และการรักษาผู้ป่วยเพื่อลดการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญของโรคไข้เลือดออกที่พบขณะนี้ คือผู้ป่วยมาพบแพทย์ช้าเกินไป ต้องใช้ระบบส่งต่อเพราะเกินขีดความสามารถของโรงพยาบาลชุมชนในการดูผู้ป่วยที่อยู่ในระยะวิกฤตคือช็อกแล้ว โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกเข้ามาเรื่อยๆ จะรับไม่ทัน ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมเตียงรับผู้ป่วยไข้เลือดออก ให้จัดลำดับความสำคัญต้นๆ และมีมิสเตอร์ไข้เลือดออกดูแลรับผิดชอบ
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า การประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศครั้งนี้ เพื่อติดตามเฝ้าระวังแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออก สถานการณ์หมอกควันใน 7 จังหวัดภาคใต้ และเชื้อโคโรนาไวรัส โดยสถานการณ์โรคไข้เลือดออกทั่วโลกขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเอเชียพบจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมากขึ้น อย่างสิงคโปร์ที่จากเดิมไม่เคยพบผู้เสียชีวิตจากโรคนี้มาก่อน ก็มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ป่วยอีกกว่า 5,000 ราย ส่วนไทยจากข้อมูลของสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลงตั้งแต่ต้นปี 2556-25 มิ.ย.พบผู้ป่วย 54,042 ราย เสียชีวิต 62 ราย สาเหตุของการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากการมาพบแพทย์ช้า จึงมอบหมายให้แต่ละจังหวัดร่วมกันป้องกันควบคุมจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิต รวมถึงควบคุมปริมาณยุง โดยร่วมมือกับชุมชนและโรงเรียน ส่วนโรงพยาบาลให้จัดโซนผู้ป่วยไข้เลือดออกโดยเฉพาะ
“นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการจังหวัดและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ โดยใช้ข้อมูลทางระบาดวิทยาถึงระดับหมู่บ้าน และระดมกำลังหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วควบคุมหมู่บ้านที่พบการระบาด เพื่อรับผิดชอบในเรื่องการดูแลควบคุมโรคโดยเฉพาะ” ปลัด สธ.กล่าวและว่า ในเรื่องการดูแลวอร์รูมได้ให้ นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัด สธ.เป็นผู้ควบคุมรับผิดชอบการติดตามผลและความคืบหน้าทุกวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ 5 จังหวัดที่พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสูงสุด คือ สงขลา เชียงใหม่ เชียงราย นครพนม และเลย
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์หมอกควันในภาคใต้ได้เน้นให้ สสจ.เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ เด็ก และกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอดและกลุ่มโรคเรื้อรังด้วย พร้อมสั่งการให้ทุกโรงพยาบาลทำการสำรองหน้ากากอนามัยไว้แจกจ่ายให้กับประชาชนยามฉุกเฉิน แต่สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น เนื่องจากมีฝนตกลงมา ส่วนเรื่องโคโรนาไวรัสนั้น ตนกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขฉุกเฉินประสานกับสำนักบริหารกลางเรื่องการจัดเตรียมความพร้อมให้ความรู้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะใน 53 จังหวัดที่จะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และมีการเตรียมพร้อมในเรื่องของระบบเฝ้าระวังและติดตามภายหลังจากเดินทางกลับมาจากการแสวงบุญ อาทิ การตรวจโรคหาเชื้อหวัดนกและปอดบวม หากใครที่เดินทางไปแสวงบุญกลับมาแล้วเข้าข่ายหรือต้องสงสัยก็ให้มีการจัดเตรียมห้องแยกเฉพาะเพื่อติดตามประเมินผลตามแบบที่กรมควบคุมโรคกำหนดไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด