สปสช.จัดทำแผนยุทธศาสตร์โรคไต 5 ปี เน้นส่งเสริมล้างไตทางช่องท้องเป็นอันดับหนึ่ง และให้ความสำคัญกับการฟอกเลือดเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วยรายใหม่ รวมถึงพัฒนาระบบบริจาคอวัยวะเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายไต เผยผลการดำเนินงานเกินเป้าหมายทุกปี ปัจจุบันมีผู้ป่วยสะสม 38,560 ราย เกินเป้าหมายไปกว่า 7,000 ราย จึงต้องเน้นควบคุมเบาหวานและความดันโลหิตสูงไม่ให้แทรกซ้อนเป็นไตวาย
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ได้ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ทั้งการผ่าตัดปลูกถ่ายไต การล้างไตผ่านทางช่องท้อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รวมถึงการให้ยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ขณะนี้ สปสช.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงาน 5 ปี 2556-2560 โดยยังคงนโยบายการสนับสนุนการล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งเป็นวิธีการบำบัดทดแทนไตที่เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย ที่มีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ สามารถทำเองที่บ้านได้ ไม่ต้องไปฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่โรงพยาบาล โดยใช้มาตรการทางการเงินสนับสนุนและเพิ่มความเป็นเอกภาพของ 3 กองทุนสุขภาพให้มากขึ้น รวมทั้งจะมีการเพิ่มคุณภาพและขยายบริการล้างไตทางช่องท้องสู่โรงพยาบาลชุมชน ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการฟอกเลือดมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วยรายใหม่ และเพิ่มการลงทุนพัฒนาระบบรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะเป็น 500-1,000 รายต่อปี และเน้นควบคุมป้องกันโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงเพื่อไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่นำไปสู่ไตวาย
นพ.ประทีป กล่าวอีกว่า จำนวนสะสมของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องมีการทดแทนมีจำนวน 38,560 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยล้างไตช่องท้อง 22,590 ราย ผู้ป่วยฟอกเลือด 15,213 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไต 757 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยสะสมนั้นเกินกว่าจำนวนเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2556 คือ 31,434 ราย หรือเกินไป 7,126 ราย ในปี 2556 สปสช.ได้รับงบประมาณดำเนินการ 4,357 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2557 สปสช.ได้รับงบประมาณในการดำเนินการ 5,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 821 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะนำมาเพื่อใช้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เพื่อป้องกันการล้มละลายจากการเจ็บป่วยที่มีโรคค่าใช้จ่ายสูง และให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ได้ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ทั้งการผ่าตัดปลูกถ่ายไต การล้างไตผ่านทางช่องท้อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รวมถึงการให้ยากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ขณะนี้ สปสช.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงาน 5 ปี 2556-2560 โดยยังคงนโยบายการสนับสนุนการล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งเป็นวิธีการบำบัดทดแทนไตที่เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย ที่มีจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ สามารถทำเองที่บ้านได้ ไม่ต้องไปฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่โรงพยาบาล โดยใช้มาตรการทางการเงินสนับสนุนและเพิ่มความเป็นเอกภาพของ 3 กองทุนสุขภาพให้มากขึ้น รวมทั้งจะมีการเพิ่มคุณภาพและขยายบริการล้างไตทางช่องท้องสู่โรงพยาบาลชุมชน ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการฟอกเลือดมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วยรายใหม่ และเพิ่มการลงทุนพัฒนาระบบรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะเป็น 500-1,000 รายต่อปี และเน้นควบคุมป้องกันโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงเพื่อไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่นำไปสู่ไตวาย
นพ.ประทีป กล่าวอีกว่า จำนวนสะสมของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ต้องมีการทดแทนมีจำนวน 38,560 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยล้างไตช่องท้อง 22,590 ราย ผู้ป่วยฟอกเลือด 15,213 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไต 757 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วยสะสมนั้นเกินกว่าจำนวนเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2556 คือ 31,434 ราย หรือเกินไป 7,126 ราย ในปี 2556 สปสช.ได้รับงบประมาณดำเนินการ 4,357 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2557 สปสช.ได้รับงบประมาณในการดำเนินการ 5,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 821 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะนำมาเพื่อใช้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เพื่อป้องกันการล้มละลายจากการเจ็บป่วยที่มีโรคค่าใช้จ่ายสูง และให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป