xs
xsm
sm
md
lg

ปลูกฝังอย่างไรไม่ให้เด็กยุคใหม่เป็น “ไทยเฉย” / ดร.แพง ชินพงศ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ถ้าถามว่าคำว่า “ไทยเฉย” หมายถึงอะไร ก็สามารถแปลความหมายได้ว่าหมายถึงกลุ่มของคนไทยที่มีมากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ มีอยู่ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกสังคม โดยมีความสนใจเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปากท้อง และผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น แต่ไม่สนใจปัญหาของชาติบ้านเมือง ไม่ยินดียินร้ายแม้ว่าประเทศชาติจะมีการทุจริตฉ้อฉล ไม่สนใจว่าสังคมไทยของเรากำลังมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นอย่างมากมายแค่ไหน คนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้อาจไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะคิดเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร ไม่มีใครดีพอที่จะเลือกให้มาทำงานเพื่อพัฒนาบ้านเมือง และไม่ได้สนใจว่าอนาคตของประเทศชาติจะมีทิศทางต่อไปอย่างไร ซึ่งการที่มีกลุ่มคนที่เป็น “ไทยเฉย” เป็นจำนวนมากนั้น ถือว่าเป็นผลเสียร้ายแรงต่อสังคมประเทศชาติอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งปลูกฝังให้คนไทยยุคใหม่ไม่เป็นไทยเฉย โดยต้องเริ่มต้นปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็ก ดังนี้
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
1.ปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี
พ่อแม่ถือเป็นครูคนแรกของลูก ดังนั้นพ่อแม่ต้องสอนให้ลูกแยกแยะให้ได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรดีอะไรชั่ว โดยการปลูกฝังให้ลูกรักในการกระทำที่ดีและถูกต้อง และเกลียดในการกระทำที่ผิดศีลธรรมและผิดกฎหมาย โดยการที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก เช่น แสดงความซื่อสัตย์ให้ลูกเห็น เช่น ซื่อสัตย์ในเรื่องคำพูด ซื่อสัตย์ในหน้าที่การงาน และการประพฤติตนเป็นพลเมืองดี ไม่ทำผิดกฎหมาย เช่น การเคารพต่อกฎจราจร การไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
2.ปลูกฝังความเป็นไทย
พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกรักในเอกลักษณ์ความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นการสอนให้ชื่นชมในวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม ความกตัญญูต่อบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ผู้ใหญ่ และการรักในประวัติศาสตร์ของชาติไทย โดยพ่อแม่สามารถสอนลูกในเรื่องนี้ผ่านทางการพูด เล่า อ่านหนังสือหรือหาภาพยนตร์ หรือสารคดีเกี่ยวกับความเป็นมาของชาติไทยให้ลูกๆ ได้รับรู้ว่ากว่าที่ชาติไทยจะดำเนินมาถึงทุกวันนี้ได้ บรรพบุรุษและพระมหากษัตริย์ของเราต่อสู้และเสียสละชีวิตเลือดเนื้อกันมามากมายขนาดไหน เพื่อที่จะกระตุ้นให้เด็กๆ มีจิตสำนึกที่รักชาติบ้านเมือง มีความหวงแหนและอยากมีส่วนร่วมในการเสียสละและทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติมากยิ่งขึ้น
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
3.ปลูกฝังความสามัคคี
ในปัจจุบันเราจะพบว่า คนไทยมีปัญหาขาดความสามัคคีกันเพิ่มมากขึ้น แบ่งพรรคแบ่งพวก มีฝักมีฝ่าย และรู้สึกต่อกันเหมือนเป็นศัตรูจนถึงขั้นฆ่าฟันกันได้ง่ายๆ ด้วยความไม่พอใจเพียงเล็กน้อย เมื่อสังคมไทยขาดความสามัคคี จึงทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความเบื่อหน่ายกับสภาพ สังคมแบบนี้จึงเลือกที่จะมุ่งดำเนินชีวิตแบบปิดหูปิดตาไม่สนใจกับสิ่งใด ดังนั้น พ่อแม่และผู้ที่เกี่ยวข้องต้องปลูกฝังความสามัคคีให้กับเด็กๆ โดยพยายามให้เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่นมากขึ้น เช่น ให้พี่ๆ น้องๆ ช่วยกันทำงานบ้าน คุณครูให้เด็กนักเรียนได้ทำงานเป็นกลุ่มเป็นทีม และหลีกเลี่ยงการพูดจาเปรียบเทียบให้เด็กๆ เกิดความน้อยใจและทะเลาะกัน
4.ปลูกฝังประชาธิปไตย
การสอนให้เด็กเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยอย่างถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ ว่าประชาธิปไตยไม่ใช่ว่าใครอยากทำอะไรก็ทำ แต่ต้องทำโดยคำนึงถึงกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ดีงามของสังคมด้วย อีกทั้งต้องสอนให้เด็กเข้าใจคำว่า “หน้าที่” ว่าคือความรับผิดชอบ เช่นถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาก็มีหน้าที่เรียนหนังสือให้ดีที่สุดเพื่อเป็นสมองที่จะพัฒนาประเทศชาติของเราต่อไป นอกจากนี้ต้องสอนให้เข้าใจคำว่า “เสรีภาพ” คือการ
กระทำและคำพูดที่ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น และคำว่า “เสมอภาค” คือความเท่าเทียมกันของคนทุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ทุกคนย่อมสมควรได้รับการเคารพและให้เกียรติจากผู้อื่น และมีสิทธิที่จะร่วมสร้างสรรค์สังคมและประเทศชาติเท่าเทียมกัน
5.ปลูกฝังจิตสาธารณะ
หมายถึงการมีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม โดยการรักษากฎระเบียบที่ดีงามของสังคม เคารพกฎหมาย สร้างสรรค์สิ่งที่ดีต่อสังคม และช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลังและความสามารถของตนเอง ซึ่งการสร้างจิตสาธารณะนั้นต้องปลูกฝังกันตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้เขารู้จักหน้าที่ของตนเอง มีสำนึกรักบ้านเกิดและถิ่นฐาน และมุ่งที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีและสร้างความยุติธรรมเพื่อประเทศ ชาติบ้านเมืองของตนเอง

ถึงเวลาแล้วที่ผู้ใหญ่ต้องปลูกฝังให้เด็กไทยยุคใหม่ไม่ให้เป็น “ไทยเฉย” เพื่อให้สังคมของเราเคลื่อนไหวและพัฒนาไปในทิศทางที่เจริญขึ้น ปลูกฝังให้เด็กๆ ทั้งหลายเป็นคนมีจริยธรรมที่ดีพร้อม เคารพกฎหมาย กล้าพูดกล้าทำในสิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง สร้างความยุติธรรมและความดีงามให้กับประเทศชาติบ้านเมืองของเราสืบต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น