สธ.ระดมผูเชี่ยวชาญตั้งคณะทำงาน 28 ชุด คัดเลือกยาแผนปัจจุบัน-สมุนไพร เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติเพิ่มในปี 2558 ตั้งเป้าเพิ่มสมุนไพรเข้าบัญชียาหลักฯอีก 10%
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดการประชุมสัมมนาผู้เชี่ยวชาญด้านยาและการรักษาสาขาต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน จำนวน 300 คน ในการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2556-2558 เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านสาธารณสุข และเกิดการใช้ยาอย่างคุ้มค่า ว่า ที่ผ่านมาจากข้อมูลบัญชีรายจ่ายยาแห่งชาติในปี พ.ศ. 2553 คนไทยบริโภคยาเป็นมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นยาแผนปัจจุบันที่ตองนำเข้าสารเคมี หรือผลิตภัณฑ์ยาจากต่างประเทศ โดยรายการในบัญชียาหลักแห่งชาติฉบับล่าสุดคือ พ.ศ. 2555 มีรายการยาทั้งหมด 878 รายการ จำนวนนี้เป็นยาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามหลักการแพทย์แผนไทยดั้งเดิม และยาพัฒนาจากสมุนไพรรวม 71 รายการ คิดเป็นประมาณร้อยละ 8 โดยผลการวิเคราะห์มูลค่าการใช้ยาในสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ในสังกัดทั่วประเทศ ในปี 2552 พบว่ามีมูลค่าใช้ยาสมุนไพรรวม 391 ล้านกว่าบาท และใช้ยาแผนปัจจุบันมูลค่า 21,172 ล้านกว่าบาท สธ.มีเป้าหมายจะเพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติให้ได้ร้อยละ 10 ภายใน 2558 เพื่อใช้แก้ไขปัญหาสุขภาพของคนไทย ทดแทนการนำเข้ายาแผนปัจจุบัน ซึ่งจะต้องมีหลักประกันด้านคุณภาพ ประสิทธิผลและความปลอดภัย
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อไปว่า สำหรับคณะอนุกรรมการในการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ 2555-2558 นั้น จะมีการตั้งคณะทำงานรวมทั้ง 28 ชุด ประกอบด้วย 1.คณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการคัดเลือกยาแผนปัจจุบัน 20 สาขา เช่น สาขาหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินอาหาร โรคมะเร็ง เป็นต้น รวม 20 ชุด 2.คณะทำงานคัดเลือกยาจากสมุนไพร 1 ชุด 3.คณะทำงานคัดเลือกยากำพร้า 1 ชุด 4.คณะทำงานประสานผลการพิจารณายาในบัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ชุด 5.คณะทำงานด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข 1 ชุด 6.คณะทำงานกำกับดูแลการสั่งใช้ยาบัญชี จ 2 หรือยาที่มีราคาแพง 1 ชุด 7.คณะทำงานต่อรองราคายาเพื่อบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ชุด 8.คณะทำงานติดตามและประเมินผลบัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ชุด และ 9.คณะทำงานประชาสัมพันธ์บัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ชุด คาดว่าจะใช้เวลาในการคัดเลือกประมาณ 1 ปี เพื่อประกาศใช้ให้ทันภายใน 2558
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดการประชุมสัมมนาผู้เชี่ยวชาญด้านยาและการรักษาสาขาต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน จำนวน 300 คน ในการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2556-2558 เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านสาธารณสุข และเกิดการใช้ยาอย่างคุ้มค่า ว่า ที่ผ่านมาจากข้อมูลบัญชีรายจ่ายยาแห่งชาติในปี พ.ศ. 2553 คนไทยบริโภคยาเป็นมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นยาแผนปัจจุบันที่ตองนำเข้าสารเคมี หรือผลิตภัณฑ์ยาจากต่างประเทศ โดยรายการในบัญชียาหลักแห่งชาติฉบับล่าสุดคือ พ.ศ. 2555 มีรายการยาทั้งหมด 878 รายการ จำนวนนี้เป็นยาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามหลักการแพทย์แผนไทยดั้งเดิม และยาพัฒนาจากสมุนไพรรวม 71 รายการ คิดเป็นประมาณร้อยละ 8 โดยผลการวิเคราะห์มูลค่าการใช้ยาในสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ในสังกัดทั่วประเทศ ในปี 2552 พบว่ามีมูลค่าใช้ยาสมุนไพรรวม 391 ล้านกว่าบาท และใช้ยาแผนปัจจุบันมูลค่า 21,172 ล้านกว่าบาท สธ.มีเป้าหมายจะเพิ่มรายการยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติให้ได้ร้อยละ 10 ภายใน 2558 เพื่อใช้แก้ไขปัญหาสุขภาพของคนไทย ทดแทนการนำเข้ายาแผนปัจจุบัน ซึ่งจะต้องมีหลักประกันด้านคุณภาพ ประสิทธิผลและความปลอดภัย
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อไปว่า สำหรับคณะอนุกรรมการในการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ 2555-2558 นั้น จะมีการตั้งคณะทำงานรวมทั้ง 28 ชุด ประกอบด้วย 1.คณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการคัดเลือกยาแผนปัจจุบัน 20 สาขา เช่น สาขาหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินอาหาร โรคมะเร็ง เป็นต้น รวม 20 ชุด 2.คณะทำงานคัดเลือกยาจากสมุนไพร 1 ชุด 3.คณะทำงานคัดเลือกยากำพร้า 1 ชุด 4.คณะทำงานประสานผลการพิจารณายาในบัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ชุด 5.คณะทำงานด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข 1 ชุด 6.คณะทำงานกำกับดูแลการสั่งใช้ยาบัญชี จ 2 หรือยาที่มีราคาแพง 1 ชุด 7.คณะทำงานต่อรองราคายาเพื่อบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ชุด 8.คณะทำงานติดตามและประเมินผลบัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ชุด และ 9.คณะทำงานประชาสัมพันธ์บัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ชุด คาดว่าจะใช้เวลาในการคัดเลือกประมาณ 1 ปี เพื่อประกาศใช้ให้ทันภายใน 2558