สพฐ.แนะโรงเรียนนิติบุคคล 114 แห่ง บริหารจัดการ 4 ด้าน อัพผู้เรียนให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพุ่งขึ้น
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่โรงแรมปริ๊นพาเลซ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดประชุมสัมมนาโรงเรียนในโครงการพัฒนาการบริหารรูปแบบนิติบุคคล ซึ่งมีผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง จำนวน 114 โรงเข้าร่วม โดยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นการพัฒนาการบริหารงานของ สพฐ.ให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งเรื่องโรงเรียนที่มีศักยภายสูงเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการและนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาผู้เรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนั้น เป็นไปตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 39 ที่เน้นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปยังเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียน โดยจะเป็นการกระจายอำนาจในภาระงาน 4 ด้าน ได้แก่ งานวิชาการ งานบริหารบุคคล งานงบประมาณ และงานบริหารทั่วไป ซึ่งพบว่าการดำเนินการกระจายอำนาจนั้นที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนในการปฏิบัติให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงจำเป็นที่ สพฐ.จะต้องมีโรงเรียนที่เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการภายใต้กฎระเบียบและกติกาที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน ทั้งนี้แม้กฎระเบียบที่มีอยู่จะมีบางเรื่องที่มีการบริหารงานแบบรวมศูนย์ในส่วนกลางอยู่ แต่โรงเรียนหลายแห่งสามารถจัดการบริหารภายในแบบฉบับของตนเอง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวได้ เพื่อนำไปสู่คุณภาพผู้เรียนอย่างชัดเจน โดยในปีนี้ได้มีการคัดเลือกโรงเรียนรูปแบบนิติบุคคลนำร่อง 114 แห่ง แบ่งเป็น โรงเรียนประถมศึกษา 57 แห่ง และมัธยมศึกษา 57 แห่ง ที่จะมีการพัฒนางานต่างๆ ให้เกิดความคล่องตัว ซึ่ง สพฐ.ต้องการให้โรงเรียนเหล่านี้ได้มีการพัฒนารูปแบบการบริหารงานด้วยตัวของโรงเรียนเองเป็นสำคัญ ไม่ใช่รอการสั่งการจากเขตพื้นที่เพียงอย่างเดียว
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่โรงแรมปริ๊นพาเลซ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดประชุมสัมมนาโรงเรียนในโครงการพัฒนาการบริหารรูปแบบนิติบุคคล ซึ่งมีผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง จำนวน 114 โรงเข้าร่วม โดยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นการพัฒนาการบริหารงานของ สพฐ.ให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งเรื่องโรงเรียนที่มีศักยภายสูงเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการและนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาผู้เรียนและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนั้น เป็นไปตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 39 ที่เน้นการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปยังเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียน โดยจะเป็นการกระจายอำนาจในภาระงาน 4 ด้าน ได้แก่ งานวิชาการ งานบริหารบุคคล งานงบประมาณ และงานบริหารทั่วไป ซึ่งพบว่าการดำเนินการกระจายอำนาจนั้นที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนในการปฏิบัติให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงจำเป็นที่ สพฐ.จะต้องมีโรงเรียนที่เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการภายใต้กฎระเบียบและกติกาที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน ทั้งนี้แม้กฎระเบียบที่มีอยู่จะมีบางเรื่องที่มีการบริหารงานแบบรวมศูนย์ในส่วนกลางอยู่ แต่โรงเรียนหลายแห่งสามารถจัดการบริหารภายในแบบฉบับของตนเอง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวได้ เพื่อนำไปสู่คุณภาพผู้เรียนอย่างชัดเจน โดยในปีนี้ได้มีการคัดเลือกโรงเรียนรูปแบบนิติบุคคลนำร่อง 114 แห่ง แบ่งเป็น โรงเรียนประถมศึกษา 57 แห่ง และมัธยมศึกษา 57 แห่ง ที่จะมีการพัฒนางานต่างๆ ให้เกิดความคล่องตัว ซึ่ง สพฐ.ต้องการให้โรงเรียนเหล่านี้ได้มีการพัฒนารูปแบบการบริหารงานด้วยตัวของโรงเรียนเองเป็นสำคัญ ไม่ใช่รอการสั่งการจากเขตพื้นที่เพียงอย่างเดียว
