ระวัง! พบไข้เลือดออกในผู้ใหญ่มากขึ้น แพทย์ชี้น่าห่วงและเสี่ยงกว่าเด็ก เพราะชอบซื้อยากินเอง พ่วงโรคประจำตัวต่างๆ มีโอกาสเลือดออกได้มากขึ้น แนะกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์
ศ.คลินิก (พิเศษ) พญ.สุจิตรา นิมมานนิตย์ ที่ปรึกษาด้านการเฝ้าระวังโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค (คร.) และที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกในการรักษาโรคไข้เลือดออก กล่าวว่า ไทยพบโรคไข้เลือดออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนปัจจุบันกลายเป็นโรคประจำถิ่น โดยเชื้อไข้เลือดออก หรือ เด็งกี มี 4 สายพันธุ์ เดิมพบการระบาดเฉพาะในเขตเมือง กทม.แต่ปัจจุบันจากการเดินทางที่สะดวกขึ้น ทำให้โรคไข้เลือดออกอยู่ในชุมชนเกือบทั้งประเทศ และพบได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ ทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของการพบโรคไข้เลือดออกในกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น จากเดิมที่พบโรคไข้เลือดออกได้มากในเด็ก
“โรคไข้เลือดออกในผู้ใหญ่น่าห่วงกว่า เพราะผู้ใหญ่เมื่อเจ็บป่วยมักซื้อยากินเอง ซึ่งยาลดไข้บางประเภทส่งผลกระทบต่อเกล็ดเลือด และทำให้เกิดภาวะเลือดออกได้ นอกจากนี้ ผู้ใหญ่ยังมีความเสี่ยงมากกว่าในแง่การมีโรคประจำตัว การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยเสริมที่ส่งผลกระทบต่อการทำให้เกิดเลือดออกได้มากขึ้น โดยสิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมโรคนี้คือ การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์” ศ.คลินิก (พิเศษ) พญ.สุจิตรา กล่าว
ศ.คลินิก (พิเศษ) พญ.สุจิตรา กล่าวอีกว่า โรคไข้เลือดออกมียุงลายเป็นพาหะ เมื่อยุงรับเชื้อแล้ว เชื้อจะมีชีวิตในตัวยุงได้ถึง 2 เดือน และนำเชื้อไปสู่คนได้อย่างต่อเนื่อง แต่พบว่า ร้อยละ 80-90 ของคนที่ได้รับเชื้อจะไม่แสดงอาการ แต่มีระดับไวรัสต่ำๆ ในเลือด เมื่อถูกยุงกัดก็จะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ โดยภาวะการเกิดโรคจะสัมพันธ์กับการได้รับเชื้อซ้ำ โดยเฉพาะการได้รับเชื้อต่างสายพันธุ์ เนื่องจากร่างกายจะไม่มีภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ การวินิจฉัยโรคถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากไข้เลือดออกนั้นมีอาการไข้ที่ใกล้เคียงกับหลายๆโรค แต่มีข้อสังเกตคือ จะไม่ไอ ไม่มีน้ำหมูก หากเป็นไข้สูงเกิน 2 วัน ควรนึกถึงโรคไข้เลือดออก และเฝ้าระวัง โดยเฉพาะหากมีไข้ ปวดเมื่อยมาก ปวดท้องรุนแรงฉับพลัน ไม่ปัสสาวะ นอนไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์
ศ.คลินิก (พิเศษ) พญ.สุจิตรา นิมมานนิตย์ ที่ปรึกษาด้านการเฝ้าระวังโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค (คร.) และที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกในการรักษาโรคไข้เลือดออก กล่าวว่า ไทยพบโรคไข้เลือดออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนปัจจุบันกลายเป็นโรคประจำถิ่น โดยเชื้อไข้เลือดออก หรือ เด็งกี มี 4 สายพันธุ์ เดิมพบการระบาดเฉพาะในเขตเมือง กทม.แต่ปัจจุบันจากการเดินทางที่สะดวกขึ้น ทำให้โรคไข้เลือดออกอยู่ในชุมชนเกือบทั้งประเทศ และพบได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ ทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งของการพบโรคไข้เลือดออกในกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น จากเดิมที่พบโรคไข้เลือดออกได้มากในเด็ก
“โรคไข้เลือดออกในผู้ใหญ่น่าห่วงกว่า เพราะผู้ใหญ่เมื่อเจ็บป่วยมักซื้อยากินเอง ซึ่งยาลดไข้บางประเภทส่งผลกระทบต่อเกล็ดเลือด และทำให้เกิดภาวะเลือดออกได้ นอกจากนี้ ผู้ใหญ่ยังมีความเสี่ยงมากกว่าในแง่การมีโรคประจำตัว การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยเสริมที่ส่งผลกระทบต่อการทำให้เกิดเลือดออกได้มากขึ้น โดยสิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมโรคนี้คือ การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์” ศ.คลินิก (พิเศษ) พญ.สุจิตรา กล่าว
ศ.คลินิก (พิเศษ) พญ.สุจิตรา กล่าวอีกว่า โรคไข้เลือดออกมียุงลายเป็นพาหะ เมื่อยุงรับเชื้อแล้ว เชื้อจะมีชีวิตในตัวยุงได้ถึง 2 เดือน และนำเชื้อไปสู่คนได้อย่างต่อเนื่อง แต่พบว่า ร้อยละ 80-90 ของคนที่ได้รับเชื้อจะไม่แสดงอาการ แต่มีระดับไวรัสต่ำๆ ในเลือด เมื่อถูกยุงกัดก็จะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ โดยภาวะการเกิดโรคจะสัมพันธ์กับการได้รับเชื้อซ้ำ โดยเฉพาะการได้รับเชื้อต่างสายพันธุ์ เนื่องจากร่างกายจะไม่มีภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ การวินิจฉัยโรคถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากไข้เลือดออกนั้นมีอาการไข้ที่ใกล้เคียงกับหลายๆโรค แต่มีข้อสังเกตคือ จะไม่ไอ ไม่มีน้ำหมูก หากเป็นไข้สูงเกิน 2 วัน ควรนึกถึงโรคไข้เลือดออก และเฝ้าระวัง โดยเฉพาะหากมีไข้ ปวดเมื่อยมาก ปวดท้องรุนแรงฉับพลัน ไม่ปัสสาวะ นอนไม่ได้ ควรรีบพบแพทย์
