xs
xsm
sm
md
lg

ตั้ง “อภิชาติ” ประธานสอบวินัยร้ายแรง “ชินภัทร” เจ้าตัวเผยรับได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศธ.ตั้ง “อภิชาติ” ประธานสอบวินัยร้ายแรง “ชินภัทร” ชี้เป็นผู้บริหารสูงสุดของ สพฐ.“เสริมศักดิ์” แจงยังไม่โยกเลขาฯ กพฐ.ออกนอกพื้นที่ เว้นแต่ คกก.สอบสวนฯ จะเสนอว่ามีการขัดขวางค่อยคิดอีกที ย้ำไม่มีการกลั่นแกล้งใครทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ระบุส่วนที่เหลืออีก 3 คน เป็นแค่คนรับคำสั่งให้สอบเพิ่มเติม ด้าน “ชินภัทร” บอกแค่รับได้ไม่เป็นไร เป็นโอกาสชี้แจงข้อสงสัยให้ชัดเจน ปัดตอบคำถามว่ายุติธรรมหรือไม่ ชี้ให้บุคคล สังคมตัดสินเอง

จากกรณีที่ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เสนอผลการสอบสวนของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว12 ที่มีนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ซึ่งสรุปเสนอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) นายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการ กพฐ.นายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติกร สพฐ.และนายสุเทพ ชิตยวงศ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ราชการเสียหาย ต่อ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนั้น
นายชินภัทร ภูมิรัตน
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายเสริมศักดิ์ เปิดเผยว่า วานนี้ (20 พ.ค.) นายพงศ์เทพ ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ ศธ.323/2556 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง ตามนัยมาตร 82(2) ประกอบมาตรา 85(7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 โดยมี นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เป็นประธาน พร้อมด้วยกรรมการ ดังนี้ นางวราภรณ์ สีหนาท รองเลขาธิการ กกอ. นายวัชริทร์ จำปี ผู้ตรวจราชการ ศธ. นายเฉลิมชนม์ แน่นหนา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากฎหมายการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และนายขจร จิตสุขุมมงคล ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพัฒนาสมรรถนะบุคคล สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กรรมการและเลขานุการ นายกำพล วันทา นิติกรชำนาญการพิเศษ สำนักงานปลัด ศธ. กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และนายสุภัทร บุญส่ง นิติกรชำนาญการ สกอ. กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ โดยให้คณะกรรมการสอบสวนรีบดำเนินการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อนึ่ง หากผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งนี้ และประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งนี้ ให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่งนี้ โดยให้อุทธรณ์ต่อ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.)

การตั้งคณะกรรมการไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใคร และจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ยิ่งช่วงนี้มีข่าวว่าการสอบครูผู้ช่วยรอบใหม่มีการรับเงินกันอีกแล้ว ยิ่งทำให้ผมไม่สบายใจ จึงอยากให้ผลการสอบออกมาเป็นที่ประจักษ์โดยเร็ว ยืนยันไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่นอน และแม้ส่วนใหญ่เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ จะต้องโยกย้ายผู้ที่ถูกสอบไปยังที่อื่น แต่ในครั้งนี้จะรอคงต้องฟังจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ก่อนว่าระหว่างการสอบสวนผู้ถูกสอบมีการขัดขวาง หรือกระทำการที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการสอบหรือไม่ จึงค่อยพิจารณาการโยกย้ายต่อไป เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกสอบด้วย อย่างไรก็ตาม หากต้องมีการโยกย้ายผู้ถูกสอบไปยังหน่วยงานอื่นเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)” นายเสริมศักดิ์ กล่าว



รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการสอบสวนวินัยฯ แต่ได้กำชับคณะกรรมการสอบสวนวินัยฯ ว่าให้เร่งดำเนินการให้ได้ผลการสอบโดยเร็ว ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริงการลงโทษทางวินัยร้ายแรงจะมี 3 ระดับ คือ ให้ออก ปลดออก และไล่ออก อย่างไรก็ตาม กรณีหากผู้ถูกสอบสวนเกษียณอายุราชการไปแล้วก็จะมีผลย้อนหลังและสิทธิต่างๆ ที่ได้รับหลังจากการเกษียณก็จะเสียไปด้วย

ทั้งนี้ เหตุผลที่ตนเสนอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร คนเดียว ทั้งที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงฯ ที่มีปลัด ศธ.เป็นประธาน ชี้มูลกล่าวหาถึง 4 คน เพราะเห็นว่า คณะกรรมการสืบสวนฯ ชี้มูลชัดเจน ในฐานะที่ นายชินภัทร เป็นผู้บริหารที่มีความรับผิดชอบสูงสุดของ สพฐ.ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 3 คน ถือเป็นผู้รับคำสั่ง ซึ่งต้องมีการสอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการสืบสวนฯ นั้นได้พิจารณาโดยนำประเด็นของการรายงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อุดรธานี เขต 3 และ สพป. ยโสธร เขต 1 ที่ได้มีการรายงานว่ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทุจริตทั้งทางโทรศัพท์ และวันต่อมาก็มาเข้าพบผู้ใหญ่ที่ส่วนกลาง และมีการทำเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนฯ สรุปว่า ที่เขตพื้นที่ฯรายงานมานั้น เป็นข้อมูลที่สำคัญ เพราะพบโพยเฉลยข้อสอบ และยึดโทรศัพท์มือถือได้ที่ สพป.อุดรธานี

นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีในส่วนที่ยโสธร พบเป็นยางลบที่มีตัวเลข 50 ข้อ ซึ่งเมื่อมีการรายงานถึงส่วนกลางและเป็นเรื่องที่สำคัญมีผลต่อความเป็นธรรมต่อผู้เข้าสอบ เป็นความผิดที่รุนแรงและกระทบต่อ ศธ.ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนฯสรุปว่า ถ้าผู้บังคับบัญชาสูงสุด นำข้อมูลเหล่านี้มาตรวจสอบ ก็จะรู้ว่าเป็นโพยเฉลยข้อสอบ และถ้ารู้ว่าเฉลยข้อสอบรั่ว และแพร่กระจายไปทั่ว ถือเป็นความผิดที่มาก เมื่อไม่ตรวจสอบและยังไม่มีการส่งผลคะแนนไปให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่ฯประกาศ ส่งแต่ลำดับที่ ซึ่งทางเขตพื้นที่ฯ ได้มีการติงมาว่า ถ้าส่งคะแนนสอบมาให้เขตพื้นที่ฯ เห็นผลคะแนนว่าที่สูงผิดปกติ เขาก็อาจจะเลื่อนประกาศผลสอบได้ทัน ซึ่งหากผู้บริหารสูงสุดตรวจสอบ และยกเลิกการสอบตั้งแต่ตอนนั้นก็ถือว่ายังเสียหายไม่มาก จึงถือว่านายชินภัทร ละเลยการปฏิบัติหน้าที่

นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า เป็นโอกาสอีกครั้งในการให้ข้อมูลให้ชัดเจนกรณีดำเนินการสอบวินัยนั้นมีประเด็นอะไรที่เป็นข้อสงสัย แม้จะปรากฏว่าให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่ตนคนเดียวก็รับได้ไม่เป็นไร ซึ่งจากนี้ต้องรอดูประเด็นก่อนเนื่องจากที่ได้ชี้แจงไปอาจจะมีข้อมูลไม่สมบูรณ์ ซึ่งการรับราชการเป็นเรื่องปกติ ที่หากการปฏิบัติหน้าที่มีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องมีระบบดำเนินการเพื่อไม่ให้ปัญหานั้นเกิดซ้ำ เพียงแต่ในหน่วยงานที่มีขนาดใหญ่ การบริหารจึงให้แต่ละหน่วยรับผิดชอบตามภารกิจหน้าที่แต่ไม่ใช่การเหมารวมหรือเหมาจ่าย เพราะองค์กรขนาดใหญ่หากผิดพลาดขึ้นมาไม่ได้มองไปที่จุดที่ต้องรับผิดชอบแต่กลับเหมารวมว่าเป็นเรื่องขององค์กรซึ่ตนคิดว่าเป็นความกระจ่างที่ต้องชี้แจงให้ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวมองว่าการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงครั้งนี้มีความเป็นธรรมหรือไม่ นายชินภัทร กล่าวว่า ไม่มีความเห็นส่วนนี้ควรให้บุคคลภายนอก หรือสังคมใช้ดุลพินิจหรือให้ความเห็นมากกว่า เพราะหากตนพูดทางใดทางหนึ่งอาจมีการตีโจทย์ได้ว่าเป็นการปกป้องตนเอง ส่วนหากจะต้องมีการโยกย้ายไปช่วยราชการที่อื่นระหว่างมีการสอบสวนวินัยร้ายแรงหรือไม่นั้น ตนมองเรื่องนี้ใน 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรก การโยกย้ายไปอยู่ที่อื่นเหตุผลจำเป็น คือ เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน ส่วนอีกประการหนึ่งคือ ต้องพิจารณาถึงความต่อเนื่องของงานซึ่งองค์กรขนาดใหญ่มีภารกิจมาก กว้างขวาง และมีนโยบายสำคัญหลายเรื่องอาจจะได้รับผลกระทบ ซึ่งการให้คนมาทำหน้าที่รักษาราชการแทน คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะกว่าจะเรียนรู้งาน ตนจึงห่วงประเด็นนี้เป็นสำคัญ ส่วนที่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับใบสั่งการทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ

นายพงศ์เทพ กล่าวว่า รมช.ศึกษาธิการ ได้รายงานข้อมูลการสืบสวนข้อเท็จจริง และได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งการตั้งคณะกรรมการครั้งนี้เป็นการสอบสวนทางวินัยฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้หมายความ นายชินภัทร กระทำการทุจริตในการจัดสอบครูผู้ช่วย




กำลังโหลดความคิดเห็น