xs
xsm
sm
md
lg

แพทยสภาเล็งฟันคลินิกหน้าเด้งโฆษณาเกินจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอาจริง! แพทยสภาเตรียมคุมการโฆษณาของคลินิกเสริมความงาม หลังพบโฆษณาเกินจริงบ่อยครั้ง เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและคณะอนุฯทางวิชาการ หวังคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้น จ่อเรียกตัวแทนสถานความงามร่วมถก
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อเร็วๆ นี้ เสนอว่าควรมีคณะกรรมการตรวจสอบการโฆษณาของคลินิกเสริมความงาม และเตรียมตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการให้ความคิดเห็นทางวิชาการ โดยมี นพ.พินิจ หิรัญโชติ กรรมการแพทยสภา เป็นประธาน เนื่องจากที่ผ่านมาไทยไม่เคยมีหน่วยงานใดตรวจสอบการโฆษณาของคลินิกเสริมความงามอย่างชัดเจน ซึ่งหลายครั้งมักพบว่ามีการโฆษณาเกินจริง เช่น การทำให้ผิวขาว ทำให้หนุ่มสาวขึ้น หรือการกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงภายในกี่วัน ซึ่งจะระบุเพียงข้อดีเท่านั้น แต่ไม่มีบอกผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น หากทำผิวขาวจะเสี่ยงก่อให้เกิดผลกระทบอะไรบ้าง นอกจากนี้ ยังมีการชักจูงเรื่องค่าใช้จ่ายในการเสริมความงามว่า มีราคาที่ถูกกว่ากี่เท่าๆ เป็นต้น

“เราจะพิจารณาว่าการโฆษณาเหล่านี้มีข้อมูลทางวิชาการมารองรับหรือไม่ หากไม่มีจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างไร ซึ่งหากมีผลกระทบแพทย์ผู้ทำการรักษาไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม เมื่อพิจารณาแล้วพบว่ารักษาผิดหลักแพทย์ก็จะเข้าข่ายผิดจริยธรรม ถูกเพิกถอนใบอนุญาตได้ ตรงนี้จะช่วยคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ ในการประชุมยังพิจารณาว่าจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมความงาม และการเสริมสวย โดยมี นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เป็นประธาน ทำการศึกษาร่วมกับคณะอนุกรรมการด้านวิชาการฯ ว่า การเสริมความงามแบบใดปลอดภัย ซึ่งจะมีประโยชน์กับผู้บริโภคอย่างแท้จริง” นายกแพทยสภา กล่าว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การตั้งคณะอนุกรรมการทั้งสองชุดนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการว่าจะมีกรรมการกี่คน และมาจากภาคส่วนใดบ้าง อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดจะมีการเชิญตัวแทนคลินิกเสริมความงามต่างๆ มาร่วมหารือถึงการดำเนินการเรื่องนี้ด้วย เพื่อแจ้งให้ทราบและให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการพัฒนาหลักสูตรจริยธรรมแพทย์ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า จะมีการเรียกประชุมคณะอนุกรรมการจริยธรรมด้านการแพทย์ในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อสอบถามความคืบหน้า ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงปรับถ้อยคำให้เข้าใจง่าย เป็นภาษาทั่วไป เพราะที่ผ่านมาการเขียนหลักสูตรยังเป็นภาษาทางการแพทย์เกินไป ซึ่งการสอนเรื่องนี้ต้องเน้นการสร้างความเข้าใจและสัมพันธ์อันดีระหว่างแพทย์และคนไข้ โดยจะนำหลักสูตรดังกล่าวบรรจุในโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ทั่วประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น