“เรืองไกร เจ้าเก่า” ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ฟัน 76 ส.ส.-ส.ว.หลังยื่นประธานรัฐสภาชงศาล รธน.ตีความ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ขัดกฎหมายหรือไม่ โยงส่อผิด กม. ละเมิดพระราชอำนาจ แถมพ่วงอาญา 112 ด้วย ชี้นายกฯ ทูลเกล้าฯ แล้วตั้งแต่เดือน ก.พ.แต่เพิ่งมายื่นตีความเดือน มี.ค. ส่อล่วงละเมิดในหลวง อ้างคำ “มาร์ค” รู้ดีต้องยื่นค้านก่อนทูลเกล้าฯ
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และพวก นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกวุฒิสภา และพวกรวมทั้งสิ้น 76 คนที่เข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ... มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าการกระทำขอนายวิรัตน์กับพวก และนายไพบูลย์กับพวกนั้นเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 123 หรือไม่ และเป็นการทำผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาตรา 279 วรรคสาม รวมทั้งละเมิดพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 8 ที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมาอาญามาตรา 112 ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินควรร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่
นายเรืองไกรกล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 154 บัญญัติชัดเจนว่า ร่าง พ.ร.บ.ใดที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้วก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธย หากนายกฯ หรือสมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ทั้ง 2 สภา เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญให้เสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภาแล้วแต่กรณี เพื่อส่งความเห็นนั้นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งกรณีร่าง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐนั้นนายกรัฐมนตรีได้นำขึ้นทูลเกล้าเมื่อวันที่ 12 ก.พ. แต่นายวิรัตน์ นายไพบูลย์ และพวกส่งคำร้องให้ประธานสภาฯเพื่อส่งความเห็นมายังศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 28 มี.ค. จึงเป็นการยื่นคำร้องหลังนายกฯนำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นทูลเกล้าฯ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง เข้าข่ายเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ล่วงละเมิดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ และเป็นเรื่องความผิดทางวินัยร้ายแรงที่ผู้ตรวจการแผ่นดินต้องดำเนินการโดยเร็ว
“หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในกรณีหากมีการเสนอร่าง พ.ร.ฎ อภัยโทษว่า หากร่างดังกล่าวมีการทูลเกล้าฯ ไปแล้ว เขาจะอภิปรายไม่ได้ เพราะจะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ขณะเดียวกัน ในการอภิปรายเรื่องรัฐธรรมนูญเมื่อวานที่ผ่านมา (1 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ ก็พุดถึงเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ตอนหนึ่งว่า ถ้ากฎหมายนี้ผ่านสภาก็จะยื่นคัดค้านโดยจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งก็จะต้องทำก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ คำพูดเหล่านี้สะท้อนว่าพรรคประชาธิปัตย์ทราบเป็นอย่างดีว่าถ้าจะคัดค้านร่างกฎหมายต้องทำก่อนที่จะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไม่ใช่ให้มีการทูลเกล้าไปแล้วจึงมายื่นคัดค้านอย่างที่นายวิรัตน์ นายไพบูลย์และพวกดำเนินการ หากประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องดังกล่าวไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเมื่อใด ผมก็จะไปยื่นคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่มีอำนาจที่จะรับพิจารณาวินิจฉัย” นายเรืองไกรกล่าว