“หมอวิชัย” บุกแจงดีเอสไอ ยันสร้างโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ถูกต้อง ยก WHO ยังหนุนเพิ่มระดับความปลอดภัยสู้ไวรัสไข้หวัดใหญ่ระบาด วอนดีเอสไอดำเนินการระวังกระทบกำลังใจคนทำงาน
นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชี้แจงกรณีการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และการจัดซื้อวัตถุดิบยาพาราเซตามอลขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ให้ตนชี้แจงใน 2 ประเด็น คือ กรณีการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และการจัดซื้อวัตถุดิบยาพาราฯ ของ อภ. ทั้งความเป็นมาตั้งแต่เริ่มโครงการและประเด็นข้อสงสัยสำหรับการปรับเปลี่ยนโรงงานให้มีความปลอดภัยชีวนิรภัยจากระดับ 2 เป็น ระดับ 2 บวก ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการก่อสร้างโรงงานวัคซีน ทางผู้เชี่ยวชาญระดับโลก 3 คนได้แนะนำให้ก่อสร้างโรงงานที่มีความปลอดภัยระดับ 2 แต่ต่อมามีการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งมีความรุนแรงมาก ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) จึงแนะนำให้ว่าควรเพิ่มความปลอดภัยของโรงงานเป็นระดับ 2 บวก ซึ่งสัญญาการก่อสร้างระบุไว้ว่าสามารถปรับเปลี่ยนได้ ดังนั้น ทาง อภ.จึงได้มีการพิจารณาปรับเปลี่ยนขึ้น ถึงแม้จะมีการเพิ่มขึ้นของงบประมาณแต่ก็คุ้มกับประโยชน์จำนวนมากที่ประเทศชาติจะได้รับ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการก่อสร้างจริงตัวงบประมาณก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ยังเป็นไปตามงบประมาณเดิมที่กำหนดไว้คือจำนวน 1,411 ล้านบาท
นพ.วิชัย กล่าวว่า สำหรับประเด็นการการจัดซื้อวัตถุดิบยาพาราฯ ของอภ. ทางดีเอสไอไม่ติดใจที่จะถามตนในประเด็นนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วตนไม่น่าเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ดีเอสไอตระหนักว่า ดีเอสไออยู่ในกระทรวงยุติธรรม หน้าที่สำคัญคือให้ความยุติธรรมกับสังคมและประชาชน จึงควรมีความระมัดระวังในการดำเนินการที่จะกระทบต่อกำลังใจของคนทำงาน
นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชี้แจงกรณีการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และการจัดซื้อวัตถุดิบยาพาราเซตามอลขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ให้ตนชี้แจงใน 2 ประเด็น คือ กรณีการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และการจัดซื้อวัตถุดิบยาพาราฯ ของ อภ. ทั้งความเป็นมาตั้งแต่เริ่มโครงการและประเด็นข้อสงสัยสำหรับการปรับเปลี่ยนโรงงานให้มีความปลอดภัยชีวนิรภัยจากระดับ 2 เป็น ระดับ 2 บวก ทั้งนี้ ในช่วงแรกของการก่อสร้างโรงงานวัคซีน ทางผู้เชี่ยวชาญระดับโลก 3 คนได้แนะนำให้ก่อสร้างโรงงานที่มีความปลอดภัยระดับ 2 แต่ต่อมามีการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งมีความรุนแรงมาก ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) จึงแนะนำให้ว่าควรเพิ่มความปลอดภัยของโรงงานเป็นระดับ 2 บวก ซึ่งสัญญาการก่อสร้างระบุไว้ว่าสามารถปรับเปลี่ยนได้ ดังนั้น ทาง อภ.จึงได้มีการพิจารณาปรับเปลี่ยนขึ้น ถึงแม้จะมีการเพิ่มขึ้นของงบประมาณแต่ก็คุ้มกับประโยชน์จำนวนมากที่ประเทศชาติจะได้รับ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการก่อสร้างจริงตัวงบประมาณก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ยังเป็นไปตามงบประมาณเดิมที่กำหนดไว้คือจำนวน 1,411 ล้านบาท
นพ.วิชัย กล่าวว่า สำหรับประเด็นการการจัดซื้อวัตถุดิบยาพาราฯ ของอภ. ทางดีเอสไอไม่ติดใจที่จะถามตนในประเด็นนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วตนไม่น่าเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ดีเอสไอตระหนักว่า ดีเอสไออยู่ในกระทรวงยุติธรรม หน้าที่สำคัญคือให้ความยุติธรรมกับสังคมและประชาชน จึงควรมีความระมัดระวังในการดำเนินการที่จะกระทบต่อกำลังใจของคนทำงาน