อดีต ปธ.อภ.ยันสร้าง รง.วัคซีนโปร่งใส่ ชี้กระแสข่าวที่ออกมาเป็นการลดความเชื่อถือของ อภ.เพื่อเปิดทางให้บริษัทผู้จำหน่ายยาต่างชาติเข้ามาขายยาให้กับประเทศไทย เป็นความคิดชั่ว
เมื่อเวลา 14.00 น.(26 เม.ย. 56) นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เข้าพบนายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้ปากคำในกรณีก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกล่าช้าตามที่ นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เข้ากล่าวโทษร้องทุกข์ให้ตรวจสอบ โดย นพ.วิชัย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำว่า ความล่าช้าเริ่มมีตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ช้าจากปี 2550 มาเป็น ปี 2552 รวมถึงปัญหาด้านเทคนิค ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยมีเทคโนโลยีด้านนี้ เมื่อมีการก่อสร้างจึงติดขัดโดยปัญหาที่ทำให้ล่าช้ามากที่สุดมาจากปัญหาหลักเกณฑ์ก่อสร้างทำให้ต้องมีการทบทวนแบบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังประสบภาวะน้ำท่วมเมื่อปี 2553 ทำให้ต้องมีการปรับฐานรากใหม่ เนื่องจากเดิมจะมีห้องใต้ดินแต่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำใต้ดินเกรงว่าจะมีปัญหาความชื้นจึงต้องแก้ไขใหม่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงการออกแบบไม่สามารถทำให้สำเร็จล่วงหน้าได้ เพราะต้องพิจารณาเครื่องจักรที่จะนำมาติดตั้งจำนวนมาก ซึ่งยังไม่ทราบว่าเครื่องมือจะมีขนาดเท่าใด
ส่วนกรณีที่ รมว.สาธารณสุข ระบุว่ามีการเร่งรัดก่อสร้างโรงงานวัคซีน ทั้งที่ WHO ยังไม่รับรองมาตรฐานวัคซีนนั้น นพ.วิชัย กล่าวว่า ประเทศไทยยังไม่เคยมีเทคโนโลยีดังกล่าว ดังนั้นการพัฒนาต้องใช้ระยะเวลานานจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการสร้างโรงงานคู่ขนานไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างโรงงานให้เสร็จก่อนค่อยพัฒนาเทคโนโลยีทีหลังไม่มีที่ไหนทำกัน เพราะหากเกิดการระบาดก็จะไม่สามารถผลิตวัคซีนได้ทัน ซึ่งปัจจุบันจะพบว่าการระบาดไข้หวัดนกมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่เคยห่างหายไป ที่สำคัญยังเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ล่าสุดพัฒนาเป็นสายพันธุ์ H7N9 หากรอให้พัฒนาเทคโนโลยีเสร็จก่อนค่อยก่อสร้างโรงงานคงถือเป็นเรื่องผิด
“สำหรับความจำเป็นในการต้องแบ่งสัญญาจ้างที่ปรึกษา ออกเป็น 4 สัญญา เพราะการออกแบบมีหลายอย่างทั้งการออกแบบแนวคิด การออกแบบพื้นฐาน การออกแบบรายละเอียดซึ่งองค์การอาหารและยา (อย.) ต้องเป็นผู้ให้การรับรอง แต่เพราะ อย.ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้กว่าจะผ่านการเห็นชอบก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร กว่าจะเชิญบริษัทออกมาแบบมาหารือก็เหลือระยะเวลาจำกัดทำให้บริษัททั้ง10 บริษัทที่เชิญมามีเพียง 1 บริษัทที่มีศักยภาพในการก่อสร้างทุกอาคารส่วนอีก 9 บริษัท ระบุไม่สามารถรับงานเป็นสัญญารวมได้ทันภายในกำหนด กรรมการจึงเห็นว่าหากเลือกเพียงบริษัทเดียวจะมีความเสี่ยงสูง ที่อาจถูกมองว่าเจาะจงเลือกเพียงบริษัทเดียว จึงจำเป็นต้องแบ่งสัญญาจ้างเป็น 4 บริษัท เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด” นพ.วิชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการลดความเชื่อถือของอภ.เพื่อเปิดทางให้บริษัทผู้จำหน่ายยาต่างชาติเข้ามาขายยาให้กับประเทศไทย นพ.วิชัย กล่าวว่า หากมีความคิดเช่นนั้นก็ถือเป็นความคิดชั่ว สำหรับตนยังไม่มีความเห็น แต่ต้องการให้จับตามองว่าอะไรเป็นเบื้องหลัง เป็นเหตุผลและแรงบันดาลใจให้คิดเช่นนั้น ส่วนกรณีกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดให้สรุปสำนวนการสอบสวน เพื่อเอาผิดกับข้าราชการให้ได้นั้น โดยส่วนตัวไม่หนักใจ ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ
ด้าน นายธานินทร์ กล่าวว่าประเด็นที่พนักงานสอบสวนต้องสอบปากคำ นพ.วิชัย คือเหตุผลในการจัดซื้อจัดจ้างว่ามีกระบวนการอย่างไร การผลิตวัคซีนเชื้อเป็นและเชื้อตายมีความแตกต่างกันอย่างไร การขอมติครม.ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแผนการผลิตวัคซีนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในทุกประเด็นจะต้องมีการสอบปากคำพยานบุคคลและเอกสาร ต่อไปว่ามีข้อพิรุธอย่างไรหรือไม่ ถ้าผลการสอบสวนพบว่าไม่ผิดก็จบ แต่ถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็ต้องสอบสวนต่อไป
เมื่อถามว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดผลการตรวจสอบของดีเอสไอสัปดาห์หน้าจะสามารถสรุปสำนวนได้หรือไม่ นายธานินทร์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพยานที่เกี่ยวข้อง ถ้าผลการสอบได้ข้อยุติก็ไม่จำเป็นต้องเชิญใครมาให้การอีก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูลและพยานหลักฐานทั้งเรื่องการปลอมปนยาพาราฯ และการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน ดังนั้นจึงเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าใครผิดใครถูก เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องมีทั้งเอกชนและเจ้าหน้าที่ ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่หากพบว่ามีความผิดจริงดีเอสไอก็จะสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.โดยไม่ระบุว่าใครทำผิดอย่างไร แต่จะชี้มูลเบื้องต้นให้เห็นว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง สำหรับในส่วนของเอกชน หากพบมูลความผิดดีเอสไอก็จะสรุปสำนวนส่งให้อัยการเพื่อสั่งฟ้องต่อไป
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วิชัย ได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่ขัดข้องที่จะเปิดให้ผู้สื่อข่าวร่วมรับฟังการให้ปากคำโดยละเอียด เพราะการปฏิบัติงานในทุกขั้นตอนไม่มีความลับ สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ แต่ นายธานินทร์ อ้างว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ทำหนังสือกำชับมายังพนักงานสอบสวนว่า การสอบสวนต้องมีชั้นความลับจึงไม่สามารถให้บุคคลภายนอก และผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมรับฟังการสอบปากคำได้
เมื่อเวลา 14.00 น.(26 เม.ย. 56) นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เข้าพบนายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้ปากคำในกรณีก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกล่าช้าตามที่ นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เข้ากล่าวโทษร้องทุกข์ให้ตรวจสอบ โดย นพ.วิชัย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำว่า ความล่าช้าเริ่มมีตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ช้าจากปี 2550 มาเป็น ปี 2552 รวมถึงปัญหาด้านเทคนิค ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยมีเทคโนโลยีด้านนี้ เมื่อมีการก่อสร้างจึงติดขัดโดยปัญหาที่ทำให้ล่าช้ามากที่สุดมาจากปัญหาหลักเกณฑ์ก่อสร้างทำให้ต้องมีการทบทวนแบบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังประสบภาวะน้ำท่วมเมื่อปี 2553 ทำให้ต้องมีการปรับฐานรากใหม่ เนื่องจากเดิมจะมีห้องใต้ดินแต่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำใต้ดินเกรงว่าจะมีปัญหาความชื้นจึงต้องแก้ไขใหม่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงการออกแบบไม่สามารถทำให้สำเร็จล่วงหน้าได้ เพราะต้องพิจารณาเครื่องจักรที่จะนำมาติดตั้งจำนวนมาก ซึ่งยังไม่ทราบว่าเครื่องมือจะมีขนาดเท่าใด
ส่วนกรณีที่ รมว.สาธารณสุข ระบุว่ามีการเร่งรัดก่อสร้างโรงงานวัคซีน ทั้งที่ WHO ยังไม่รับรองมาตรฐานวัคซีนนั้น นพ.วิชัย กล่าวว่า ประเทศไทยยังไม่เคยมีเทคโนโลยีดังกล่าว ดังนั้นการพัฒนาต้องใช้ระยะเวลานานจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการสร้างโรงงานคู่ขนานไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี การสร้างโรงงานให้เสร็จก่อนค่อยพัฒนาเทคโนโลยีทีหลังไม่มีที่ไหนทำกัน เพราะหากเกิดการระบาดก็จะไม่สามารถผลิตวัคซีนได้ทัน ซึ่งปัจจุบันจะพบว่าการระบาดไข้หวัดนกมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่เคยห่างหายไป ที่สำคัญยังเป็นสายพันธุ์ที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ล่าสุดพัฒนาเป็นสายพันธุ์ H7N9 หากรอให้พัฒนาเทคโนโลยีเสร็จก่อนค่อยก่อสร้างโรงงานคงถือเป็นเรื่องผิด
“สำหรับความจำเป็นในการต้องแบ่งสัญญาจ้างที่ปรึกษา ออกเป็น 4 สัญญา เพราะการออกแบบมีหลายอย่างทั้งการออกแบบแนวคิด การออกแบบพื้นฐาน การออกแบบรายละเอียดซึ่งองค์การอาหารและยา (อย.) ต้องเป็นผู้ให้การรับรอง แต่เพราะ อย.ไม่มีความรู้ในเรื่องนี้กว่าจะผ่านการเห็นชอบก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร กว่าจะเชิญบริษัทออกมาแบบมาหารือก็เหลือระยะเวลาจำกัดทำให้บริษัททั้ง10 บริษัทที่เชิญมามีเพียง 1 บริษัทที่มีศักยภาพในการก่อสร้างทุกอาคารส่วนอีก 9 บริษัท ระบุไม่สามารถรับงานเป็นสัญญารวมได้ทันภายในกำหนด กรรมการจึงเห็นว่าหากเลือกเพียงบริษัทเดียวจะมีความเสี่ยงสูง ที่อาจถูกมองว่าเจาะจงเลือกเพียงบริษัทเดียว จึงจำเป็นต้องแบ่งสัญญาจ้างเป็น 4 บริษัท เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด” นพ.วิชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการลดความเชื่อถือของอภ.เพื่อเปิดทางให้บริษัทผู้จำหน่ายยาต่างชาติเข้ามาขายยาให้กับประเทศไทย นพ.วิชัย กล่าวว่า หากมีความคิดเช่นนั้นก็ถือเป็นความคิดชั่ว สำหรับตนยังไม่มีความเห็น แต่ต้องการให้จับตามองว่าอะไรเป็นเบื้องหลัง เป็นเหตุผลและแรงบันดาลใจให้คิดเช่นนั้น ส่วนกรณีกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดให้สรุปสำนวนการสอบสวน เพื่อเอาผิดกับข้าราชการให้ได้นั้น โดยส่วนตัวไม่หนักใจ ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบ
ด้าน นายธานินทร์ กล่าวว่าประเด็นที่พนักงานสอบสวนต้องสอบปากคำ นพ.วิชัย คือเหตุผลในการจัดซื้อจัดจ้างว่ามีกระบวนการอย่างไร การผลิตวัคซีนเชื้อเป็นและเชื้อตายมีความแตกต่างกันอย่างไร การขอมติครม.ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแผนการผลิตวัคซีนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งในทุกประเด็นจะต้องมีการสอบปากคำพยานบุคคลและเอกสาร ต่อไปว่ามีข้อพิรุธอย่างไรหรือไม่ ถ้าผลการสอบสวนพบว่าไม่ผิดก็จบ แต่ถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติมก็ต้องสอบสวนต่อไป
เมื่อถามว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดผลการตรวจสอบของดีเอสไอสัปดาห์หน้าจะสามารถสรุปสำนวนได้หรือไม่ นายธานินทร์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพยานที่เกี่ยวข้อง ถ้าผลการสอบได้ข้อยุติก็ไม่จำเป็นต้องเชิญใครมาให้การอีก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูลและพยานหลักฐานทั้งเรื่องการปลอมปนยาพาราฯ และการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน ดังนั้นจึงเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าใครผิดใครถูก เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องมีทั้งเอกชนและเจ้าหน้าที่ ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่หากพบว่ามีความผิดจริงดีเอสไอก็จะสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.โดยไม่ระบุว่าใครทำผิดอย่างไร แต่จะชี้มูลเบื้องต้นให้เห็นว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง สำหรับในส่วนของเอกชน หากพบมูลความผิดดีเอสไอก็จะสรุปสำนวนส่งให้อัยการเพื่อสั่งฟ้องต่อไป
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วิชัย ได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่ขัดข้องที่จะเปิดให้ผู้สื่อข่าวร่วมรับฟังการให้ปากคำโดยละเอียด เพราะการปฏิบัติงานในทุกขั้นตอนไม่มีความลับ สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ แต่ นายธานินทร์ อ้างว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ทำหนังสือกำชับมายังพนักงานสอบสวนว่า การสอบสวนต้องมีชั้นความลับจึงไม่สามารถให้บุคคลภายนอก และผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมรับฟังการสอบปากคำได้
