เครือข่ายผู้ป่วยหลากโรคจับมือสหภาพ อภ.เตรียมบุก สธ.24 เม.ย.นี้ จี้ “หมอประดิษฐ” ทบทวนบทบาทรัฐมนตรี หลังพบมีเป้าหมายทำลาย อภ.ไม่ให้ทำซีแอลยา เปิดช่องธุรกิจยาข้ามชาติยึดตลาดยาราคาแพง
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทยาข้ามชาติได้ผูกขาดตั้งราคายาเอาไว้สูง ทำให้ผู้ป่วยโรคร้ายแรงขาดโอกาสการเข้าถึงการรักษา แต่สมัย นพ.มงคล ณ สงขลา เป็นรัฐมนตรีว่ากากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ประกาศนโยบายใช้สิทธิโดยรัฐ (ซีแอล) และมอบให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นหน่วยงานจัดหายาที่มีคุณภาพเหมือนกันแต่ราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาใช้แทน ทำให้บริษัทยาข้ามชาติต้องยอมเจรจาลดราคายาลงหลายเท่าตัว จึงมีการใช้ทุกวิถีทางกดดันรัฐบาลไทยให้ยกเลิกมาตรการนี้ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันที่มี นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ เป็น รมว.สาธารณสุข ได้มีการส่งนักการเมือง นักธุรกิจเอกชน เข้ายึดครองบอร์ดต่างๆ ของสาธารณสุข รวมถึงบอร์ด อภ.และยังทำลายภาพพจน์เชิงธุรกิจของ อภ.ด้วยการเอากรณีก่อสร้างโรงงานวัคซีนล่าช้า และข่าวการปนเปื้อนของวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอลเป็นประเด็นทำลายความน่าเชื่อถือ จนสหภาพ อภ.ต้องออกแถลงการณ์เรียกร้องเอาผิดกับ รมว.สาธารณสุข ในข้อหาทำร้าย อภ.เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทยาข้ามชาติเข้ายึดตลาดยาราคาแพงของไทย
นายอภิวัฒน์ กล่าวอีกว่า พฤติกรรมให้ข่าวทำลาย อภ.รายวันของ นพ.ประดิษฐ ทำให้ผู้ป่วยที่เคยได้รับประโยชน์จากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและนโยบายซีแอลของรัฐบาลเห็นว่า ฝ่ายการเมืองมีเป้าหมายทับซ้อนต้องการทำให้ อภ.อ่อนแอลง จนไม่สามารถเป็นเครื่องมือของรัฐในการทำซีแอลและต่อรองราคายากับบริษัทยาข้ามชาติ ทั้งที่รัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แข่งขันกับบริษัทยาข้ามชาติได้ แต่กลับทำตรงข้ามถือเป็นเรื่องที่ผู้บริหารทั่วไปไม่ทำกัน และที่ร้ายกว่าคือ ได้ทำหนังสือถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ถามถึงเรื่องการบริหารภายในของ อภ.ในลักษณะตั้งข้อสงสัยถึงความโปร่งใส ทั้งที่สามารถเรียกหาข้อมูลจากบอร์ดได้ น่าเชื่อว่าเพื่อต้องการบอก WHO และทำให้เป็นข่าวไปทั่วโลกว่ารัฐบาลนี้ไม่สนับสนุน อภ.ให้ทำซีแอลอีกต่อไป และการเจรจาการค้ากับประเทศมหาอำนาจ จะไม่มีหน่วยงานของรัฐที่เป็นอุปสรรคอีกแล้ว ถือเป็นใช้อำนาจหน้าที่ทำร้ายประชาชนและประเทศชาติ
“เครือข่ายผู้ป่วยเอดส์ มะเร็ง หัวใจ ไตวาย ฯลฯ จะจับมือกับสหภาพ อภ.ไป สธ.วันที่ 24 เม.ย.นี้ เพื่อบอกให้ นพ.ประดิษฐ ทบทวนตัวเองให้เป็น รมว.สาธารณสุข ที่ดีของประเทศไทย ไม่ใช่เป็น รมว.สาธารณสุข ของบริษัทยาข้ามชาติหรือของธุรกิจการเมืองที่สังคมกำลังตั้งประเด็นสงสัยอยู่ในขณะนี้” นายอภิวัฒน์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าในวันที่ 24 เม.ย.ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมทันตภูธร เภสัชกร และพยาบาลจะบุก สธ.และสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินให้ตรวจสอบการทุจริตเชิงนโยบายทำร้ายระบบสาธารณสุขของรัฐ เอื้อประโยชน์ธุรกิจเอกชน ขณะที่ชมรมทันตสาธารณสุขภูธรและเครือข่ายทันตแพทย์ รพ.ชุมชน ออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่านายกทันตแพทยสภาเอาสภาวิชาชีพไปสนับสนุนนโยบายนักการเมือง ขยายความขัดแย้งในระบบบริการสาธารณสุขของพื้นที่ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิก
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทยาข้ามชาติได้ผูกขาดตั้งราคายาเอาไว้สูง ทำให้ผู้ป่วยโรคร้ายแรงขาดโอกาสการเข้าถึงการรักษา แต่สมัย นพ.มงคล ณ สงขลา เป็นรัฐมนตรีว่ากากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ประกาศนโยบายใช้สิทธิโดยรัฐ (ซีแอล) และมอบให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นหน่วยงานจัดหายาที่มีคุณภาพเหมือนกันแต่ราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาใช้แทน ทำให้บริษัทยาข้ามชาติต้องยอมเจรจาลดราคายาลงหลายเท่าตัว จึงมีการใช้ทุกวิถีทางกดดันรัฐบาลไทยให้ยกเลิกมาตรการนี้ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันที่มี นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ เป็น รมว.สาธารณสุข ได้มีการส่งนักการเมือง นักธุรกิจเอกชน เข้ายึดครองบอร์ดต่างๆ ของสาธารณสุข รวมถึงบอร์ด อภ.และยังทำลายภาพพจน์เชิงธุรกิจของ อภ.ด้วยการเอากรณีก่อสร้างโรงงานวัคซีนล่าช้า และข่าวการปนเปื้อนของวัตถุดิบผลิตยาพาราเซตามอลเป็นประเด็นทำลายความน่าเชื่อถือ จนสหภาพ อภ.ต้องออกแถลงการณ์เรียกร้องเอาผิดกับ รมว.สาธารณสุข ในข้อหาทำร้าย อภ.เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทยาข้ามชาติเข้ายึดตลาดยาราคาแพงของไทย
นายอภิวัฒน์ กล่าวอีกว่า พฤติกรรมให้ข่าวทำลาย อภ.รายวันของ นพ.ประดิษฐ ทำให้ผู้ป่วยที่เคยได้รับประโยชน์จากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและนโยบายซีแอลของรัฐบาลเห็นว่า ฝ่ายการเมืองมีเป้าหมายทับซ้อนต้องการทำให้ อภ.อ่อนแอลง จนไม่สามารถเป็นเครื่องมือของรัฐในการทำซีแอลและต่อรองราคายากับบริษัทยาข้ามชาติ ทั้งที่รัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แข่งขันกับบริษัทยาข้ามชาติได้ แต่กลับทำตรงข้ามถือเป็นเรื่องที่ผู้บริหารทั่วไปไม่ทำกัน และที่ร้ายกว่าคือ ได้ทำหนังสือถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ถามถึงเรื่องการบริหารภายในของ อภ.ในลักษณะตั้งข้อสงสัยถึงความโปร่งใส ทั้งที่สามารถเรียกหาข้อมูลจากบอร์ดได้ น่าเชื่อว่าเพื่อต้องการบอก WHO และทำให้เป็นข่าวไปทั่วโลกว่ารัฐบาลนี้ไม่สนับสนุน อภ.ให้ทำซีแอลอีกต่อไป และการเจรจาการค้ากับประเทศมหาอำนาจ จะไม่มีหน่วยงานของรัฐที่เป็นอุปสรรคอีกแล้ว ถือเป็นใช้อำนาจหน้าที่ทำร้ายประชาชนและประเทศชาติ
“เครือข่ายผู้ป่วยเอดส์ มะเร็ง หัวใจ ไตวาย ฯลฯ จะจับมือกับสหภาพ อภ.ไป สธ.วันที่ 24 เม.ย.นี้ เพื่อบอกให้ นพ.ประดิษฐ ทบทวนตัวเองให้เป็น รมว.สาธารณสุข ที่ดีของประเทศไทย ไม่ใช่เป็น รมว.สาธารณสุข ของบริษัทยาข้ามชาติหรือของธุรกิจการเมืองที่สังคมกำลังตั้งประเด็นสงสัยอยู่ในขณะนี้” นายอภิวัฒน์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าในวันที่ 24 เม.ย.ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมทันตภูธร เภสัชกร และพยาบาลจะบุก สธ.และสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินให้ตรวจสอบการทุจริตเชิงนโยบายทำร้ายระบบสาธารณสุขของรัฐ เอื้อประโยชน์ธุรกิจเอกชน ขณะที่ชมรมทันตสาธารณสุขภูธรและเครือข่ายทันตแพทย์ รพ.ชุมชน ออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่านายกทันตแพทยสภาเอาสภาวิชาชีพไปสนับสนุนนโยบายนักการเมือง ขยายความขัดแย้งในระบบบริการสาธารณสุขของพื้นที่ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิก