กทม.เดินหน้านโยบาย อิ่มท้อง สมองดี มีวินัย โตไปไม่โกง พัฒนาโรงเรียน กทม.ผุดแนวคิดช่วยลดค่าครองชีพครูแก้ปัญหาย้ายกลับต่างจังหวัด
นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า นโยบายทางด้านการศึกษาสำหรับงานที่ตนเองดูแลนั้น เดินหน้าตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คือ อิ่มท้อง สมองดี มีวินัย โตไปไม่โกง โดยนโยบายอิ่มท้องนั้นสานต่อโครงการอาหารเช้า อาหารกลาง ในโรงเรียนสังกัด กทม.อย่างต่อเนื่อง ให้เด็กได้รับประทานอาหารทั้ง 2 มื้อ เพื่อให้สมองได้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ ส่วนสมองดี ก็จะพัฒนาครูและเพิ่มโรงเรียนสำหรับเด็กมีความสามารถพิเศษและเด็กออทิสติกให้เป็น 100 โรง จากที่แต่เดิมยังมีอยู่น้อย และไม่ครอบคลุมในทุกโซนของ กทม.พร้อมกันนี้มีการนำครูไปฝึกอบรมด้านภาษาอังกฤษกับคุณแอนดรูบิ๊ก เพื่อเพิ่มทักษะทางภาษา นำไปสอนให้กับเด็กๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งฝึกไปแล้ว 7 รุ่น พร้อมกับเพิ่มการเรียนการสอนภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาจีน ที่ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือสภาการศึกษาเทียนจิน เพื่อสนับสนุนการสอนภาษาจีนให้กับเด็กโรงเรียน กทม.ในปีที่ผ่านมา และยังมีภาษามลายูที่เพิ่มเข้ามาเช่นเดียวกัน ส่วนนโยบายด้านการมีวินัยนั้น จะนัดประชุมครูสังกัดกทม.ในแต่ละโซน เพื่อให้เข้มงวดวินัยกับนักเรียนมากขึ้น เช่นการต่อคิวในการรับอาหารเช้า อาหารกลางวัน การตรงต่อเวลา การสอนให้นักเรียนรู้จักการบริหารจัดการเงิน เป็นต้น ส่วนในเรื่องหลักสูตรโตไปไม่โกงยังมีการเรียนการสอนต่อเนื่อง โดยทางสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)ได้มีการติดตามดูพัฒนาการความคิดของนักเรียนกทม.อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังจะขยายหลักสูตรให้กับหน่วยงานที่สนใจ โดยล่าสุด สำนักงานการประถมศึกษาขั้นพื้นฐาน (สปฐ.) ได้ขอหลักสูตรโตไปไม่โกง มาเป็นหลักสูตรในการเรียนการสอนด้วย
นางผุสดี กล่าวอีกว่า ในส่วนของบุคลากรครูของ กทม.ที่มักมีปัญหาเรื่องของการหมุนเวียนโยกย้ายกลับถิ่นฐานภูมิลำเนาเดิมของตนหลังจากที่ทำงานในกรุงเทพฯ 1-2 ปี ด้วยสาเหตุของค่าครองชีพในกรุงเทพฯที่สูง ทำให้ไม่มีความต่อเนื่องในการพัฒนาการเรียนการสอนของโรงเรียนกทม.จึงมีแนวคิดที่จะให้อยู่ในกรุงเทพฯนานขึ้น ด้วยการลดค่าครองชีพของข้าราชการครู เช่น การหารือกับกับภาคอสังหาริมทรัพย์ช่วยสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูก รวมทั้งการปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น
นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า นโยบายทางด้านการศึกษาสำหรับงานที่ตนเองดูแลนั้น เดินหน้าตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คือ อิ่มท้อง สมองดี มีวินัย โตไปไม่โกง โดยนโยบายอิ่มท้องนั้นสานต่อโครงการอาหารเช้า อาหารกลาง ในโรงเรียนสังกัด กทม.อย่างต่อเนื่อง ให้เด็กได้รับประทานอาหารทั้ง 2 มื้อ เพื่อให้สมองได้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ ส่วนสมองดี ก็จะพัฒนาครูและเพิ่มโรงเรียนสำหรับเด็กมีความสามารถพิเศษและเด็กออทิสติกให้เป็น 100 โรง จากที่แต่เดิมยังมีอยู่น้อย และไม่ครอบคลุมในทุกโซนของ กทม.พร้อมกันนี้มีการนำครูไปฝึกอบรมด้านภาษาอังกฤษกับคุณแอนดรูบิ๊ก เพื่อเพิ่มทักษะทางภาษา นำไปสอนให้กับเด็กๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งฝึกไปแล้ว 7 รุ่น พร้อมกับเพิ่มการเรียนการสอนภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาจีน ที่ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือสภาการศึกษาเทียนจิน เพื่อสนับสนุนการสอนภาษาจีนให้กับเด็กโรงเรียน กทม.ในปีที่ผ่านมา และยังมีภาษามลายูที่เพิ่มเข้ามาเช่นเดียวกัน ส่วนนโยบายด้านการมีวินัยนั้น จะนัดประชุมครูสังกัดกทม.ในแต่ละโซน เพื่อให้เข้มงวดวินัยกับนักเรียนมากขึ้น เช่นการต่อคิวในการรับอาหารเช้า อาหารกลางวัน การตรงต่อเวลา การสอนให้นักเรียนรู้จักการบริหารจัดการเงิน เป็นต้น ส่วนในเรื่องหลักสูตรโตไปไม่โกงยังมีการเรียนการสอนต่อเนื่อง โดยทางสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)ได้มีการติดตามดูพัฒนาการความคิดของนักเรียนกทม.อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังจะขยายหลักสูตรให้กับหน่วยงานที่สนใจ โดยล่าสุด สำนักงานการประถมศึกษาขั้นพื้นฐาน (สปฐ.) ได้ขอหลักสูตรโตไปไม่โกง มาเป็นหลักสูตรในการเรียนการสอนด้วย
นางผุสดี กล่าวอีกว่า ในส่วนของบุคลากรครูของ กทม.ที่มักมีปัญหาเรื่องของการหมุนเวียนโยกย้ายกลับถิ่นฐานภูมิลำเนาเดิมของตนหลังจากที่ทำงานในกรุงเทพฯ 1-2 ปี ด้วยสาเหตุของค่าครองชีพในกรุงเทพฯที่สูง ทำให้ไม่มีความต่อเนื่องในการพัฒนาการเรียนการสอนของโรงเรียนกทม.จึงมีแนวคิดที่จะให้อยู่ในกรุงเทพฯนานขึ้น ด้วยการลดค่าครองชีพของข้าราชการครู เช่น การหารือกับกับภาคอสังหาริมทรัพย์ช่วยสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูก รวมทั้งการปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น