ปลัด สธ.ประชุมคอนเฟอเรนซ์ สั่ง สสจ. รพศ./รพท.ทั่วประเทศ เตรียมรับสถานการณ์ไข้เลือดออก หลังพบปีนี้ระบาดหนักกว่าปีก่อนเกือบ 3 เท่า พร้อมเฝ้าระวังเข้มไข้หวัดนก โดยเฉพาะตามแนวชายแดน ส่วนเทศกาลสงกรานต์ให้เตรียมบุคลากร ย้ำทุกโรงพยาบาลต้องประหยัดไฟและเตรียมพร้อมเครื่องปั่นไฟสำรองสู้วิกฤตพลังงาน
วันนี้ (5 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ซึ่งล่าสุดพบว่าจำนวนผู้ป่วยสะสมในปีนี้สูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 มี.ค. 2556 มีจำนวนผู้ป่วย 17,973 คน ตาย 19 ราย อยู่ในอัตรา 28.05 คนต่อแสนประชากร ขณะที่ปี 2555 มียอดผู้ป่วยสะสมในช่วงเวลาเดียวกันเพียง 5,396 คน ทั้งนี้ หากจังหวัดใดที่มีผู้ป่วยมากกว่า 2 อำเภอ ในระยะเวลาเกิน 2 สัปดาห์ให้ตั้งวอร์รูมทันที ซึ่งขณะนี้มีแล้ว 15 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม อุบลราชธานี ขอนแก่น สงขลา นครราชสีมา ชัยภูมิ อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ เลย อุทัยธานี ปัตตานี กระบี่ นราธิวาส และพัทลุง
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า 2.สถานการณ์โรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ H7N9 ให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่มที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไข้หวัดนก ได้แก่ ผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศแล้วมีอาการปอดบวม ผู้ป่วยปอดบวมที่เป็นกลุ่มและเกี่ยวข้องกับทางระบาดวิทยา และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ป่วยปอดบวม นอกจากนี้ ยังให้สถานพยาบาลทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชนเตรียมรับมือด้วย รวมไปถึงให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เฝ้าระวังคนในชุมชน สัตว์ปีกที่ป่วยตายและผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการจำกัดการเดินทางไปต่างประเทศ แต่อาศัยการประชาสัมพันธ์แนะนำให้ประชาชนที่จะเดินทางไปต่างประเทศหลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ปีก หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือสัมผัสโรคให้รีบไปพบแพทย์ทันที
นพ.ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า 3.เทศกาลสงกรานต์ ขอให้โรงพยาบาลทุกแห่งเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น อุบัติเหตุ หากสถานพยาบาลใดต้องการความช่วยเหลือให้แจ้งมายังส่วนกลาง และ 4.เรื่องวิกฤตพลังงานไฟฟ้าจากการที่พม่าหยุดส่งการจ่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่ประเทศไทย ขอให้ทุกโรงพยาบาลเตรียมความพร้อมด้วยการเตรียมน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองสำหรับเครื่องปั่นไฟ รวมถึงประหยัดไฟในส่วนที่ไม่จำเป็น
ด้าน นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัด สธ.กล่าวภายหลังการประชุมว่า ข้อมูลสถานการณ์ไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ยังคงเป็นการติดเชื้อจากสัตว์สู่คน ยังไม่มีรายงานว่าเป็นการติดต่อจากคนสู่คนแต่อย่างใด ขณะนี้ สธ.ก็มีการเฝ้าระวังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงหยุดยาวสงกรานต์นี้ ซึ่งมีผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก รวมถึงร่วมมือกับกรมปศุสัตว์และกรมอุทยานฯ ในการเฝ้าระวังสัตว์ปีกทั้งจากในฟาร์ม ในธรรมชาติ และการขนย้ายสัตว์ปีกข้ามชายแดน สำหรับมาตรการรับมือวิกฤติพลังงานไฟฟ้าได้สั่งการให้ทุกโรงพยาบาลเตรียมเครื่องปั่นไฟสำรองให้พร้อม รวมทั้งทำการทดสอบเครื่องด้วย ซึ่งเครื่องปั่นไฟสำรองของแต่ละโรงพยาบาลสามารถสำรองไฟได้นานถึงกว่า 6 ชั่วโมง หากเกิดสถานการณ์ไฟฟ้าดับจริง นอกจากนี้ ในเรื่องของการประหยัดไฟฟ้าก็ให้ปิดในส่วนที่ไม่จำเป็น แต่ส่วนที่จำเป็นต้องใช้ก็ขอให้ใช้อย่างเต็มที่
