“พิษณุ” เผยดีเอสไอ ขอเอกสารตรวจสอบทุจริตครูผู้ช่วยเพิ่มใช้สอบสวนคดีพิเศษ เตรียมรวบรวมให้ “เสริมศักดิ์” ส่งต่อ แจงมีหลักฐานสำคัญเป็นข้อมูลสอบปากคำกว่า 30 ราย โดย 3 รายสารภาพและซัดทอดนำไปขยายผลสอบหาตัวการต่อได้ พร้อมเตรียมวางมือแล้ว ด้าน “ชินภัทร” ไม่หนักใจเข้าชี้แจ้งดีเอสไอสัปดาห์หน้า ขณะที่ รมช.ศึกษาฯ ยังไม่พิจารณาโยก เลขาธิการ กพฐ.ออกเพื่อไม่เป็นอุปสรรคการสอบสวน ระบุรอดูข้อมูลดีเอสไอก่อน
นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วย กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วยเป็นคดีพิเศษ ว่า ดีเอสไอ รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษและได้ติดต่อมายังตนเพื่อขอข้อมูลหลักฐานที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ตรวจสอบไว้เพื่อให้เกิดความวดเร็วในการทำงานของดีเอสไอ โดยงตนกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่เพื่อส่งมอบให้นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เพื่อนำส่งให้ดีเอสไอต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าคณะกรรมการตรวจสอบฯ เคยส่งมอบข้อมูลและหลักฐานที่ตรวจสอบได้บางส่วนให้แก่ดีเอสไอไปแล้ว เช่น โพยเฉลยข้อสอบ เป็นต้น สำหรับข้อมูลที่จะส่งมอบเพิ่มเติมซึ่งดีเอสไอขอมานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องประมาณ 30-40 ราย ซึ่งคนที่ถูกเรียกมาสอบปากคำนั้น มีทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้เข้าสอบ ผู้คุมสอบ ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้กระทำผิดที่รับสารภาพด้วย ในจำนวนนี้นั้น มีประมาณ 3 รายที่ยอมรับสารภาพและซัดทอด ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำไปขยายผลสอบหาตัวการอื่นๆ ได้
“เมื่อดีเอสไอรับเรื่องทุจริตสอบครูผู้ช่วยเป็นคดีพิเศษแล้ว และที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ก็มีมติให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ไปดำเนินการสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ของตัวเอง รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในกรณีที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตัวเอง เพราะฉะนั้น ผมจึงเตรียมยุติบทบาทของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่เป็นประธานอยู่ เพราะถือว่าได้ทำหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว” นายพิษณุ กล่าว
ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ตนพร้อมและไม่รู้สึกหนักใจหากดีเอสไอให้ไปชี้แจ้งข้อมูลในสัปดาห์หน้า ขณะนี้ ได้เตรียมข้อมูลสำหรับชี้แจ้งไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่ออธิบายให้ดีเอสไอเข้าใจว่า ขั้นตอนการสอบครูผู้ช่วยที่ สพฐ.ดำเนินการไปนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้ว การจัดสอบครูผู้ช่วยของ สพฐ.นั้น ก็เป็นภารกิจที่ สพฐ.ได้รับมอบจาก ก.ค.ศ.และให้หลักเกณฑ์หลายข้อที่ต้องดำเนินการตาม สพฐ.เองเกี่ยวข้องแค่ขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น
“ไม่หนักใจ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน สพฐ.ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา และมีการบันทึกทุกขั้นตอนการดำเนินการไว้อย่างชัดเจน มีกรรมการรับผิดชอบทุกขั้นตอน ซึ่งก็มั่นใจว่า หน่วยงานสอบสวนกลางอย่างดีเอสไอนั้น จะสอบสวนด้วยความถี่ถ้วนจนได้ข้อสรุปที่ตรงความจริง” นายชินภัทร กล่าว
นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ดีเอสไอ มีมติรับเรื่องทุจริตการสอบครูผู้ช่วย เป็นคดีพิเศษแล้ว จากนี้เท่ากับว่าดีเอสไอมีอำนาจสมบูรณ์และสามารถสอบสวนในเชิงลึกได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนกำลังพิจารณาตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นมาอีกชุดด้วย เพื่อรวบรวมสรุปข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการสอบทุจริตทั้งที่ได้จากคณะกรรมการตรวจสอบฯ ชุดนายพิษณุ และที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การทำงานเรื่องดังกล่าวรวดเร็วขึ้น
ถามว่า เมื่อดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้วจะมีการพิจารณาย้าย นายชินภัทร หรือไม่เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค์ต่อการสอบสวน นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว ต้องขอดูข้อมูลการสอบสวนของดีเอสไอหลังจากที่รับเป็นคดีพิเศษก่อน ซึ่งทั้งหมดจะพิจารณารอบคอบ แต่ยืนยันว่า ศธ.ยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอในการให้ข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับการร้องขอแน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ตนยังไม่ได้พูดคุยกับ นายชินภัทร เรื่องที่ดีเอสไอรับการสอบทุจริตครูเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากวันนี้ (28 มี.ค.) ตนเดินทางมาร่วมงานรำลึกคุรุวีรชน จังหวัดชายแดนใต้ ที่ จ.ปัตตานี แม้ว่าในงานดังกล่าวนายชินภัทร จะเดินทางมาร่วมด้วยก็ตาม
นายพิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วย กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับกรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วยเป็นคดีพิเศษ ว่า ดีเอสไอ รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษและได้ติดต่อมายังตนเพื่อขอข้อมูลหลักฐานที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ตรวจสอบไว้เพื่อให้เกิดความวดเร็วในการทำงานของดีเอสไอ โดยงตนกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่เพื่อส่งมอบให้นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เพื่อนำส่งให้ดีเอสไอต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าคณะกรรมการตรวจสอบฯ เคยส่งมอบข้อมูลและหลักฐานที่ตรวจสอบได้บางส่วนให้แก่ดีเอสไอไปแล้ว เช่น โพยเฉลยข้อสอบ เป็นต้น สำหรับข้อมูลที่จะส่งมอบเพิ่มเติมซึ่งดีเอสไอขอมานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องประมาณ 30-40 ราย ซึ่งคนที่ถูกเรียกมาสอบปากคำนั้น มีทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้เข้าสอบ ผู้คุมสอบ ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้กระทำผิดที่รับสารภาพด้วย ในจำนวนนี้นั้น มีประมาณ 3 รายที่ยอมรับสารภาพและซัดทอด ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำไปขยายผลสอบหาตัวการอื่นๆ ได้
“เมื่อดีเอสไอรับเรื่องทุจริตสอบครูผู้ช่วยเป็นคดีพิเศษแล้ว และที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ก็มีมติให้ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ไปดำเนินการสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ของตัวเอง รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก็ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในกรณีที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตัวเอง เพราะฉะนั้น ผมจึงเตรียมยุติบทบาทของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่เป็นประธานอยู่ เพราะถือว่าได้ทำหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว” นายพิษณุ กล่าว
ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า ตนพร้อมและไม่รู้สึกหนักใจหากดีเอสไอให้ไปชี้แจ้งข้อมูลในสัปดาห์หน้า ขณะนี้ ได้เตรียมข้อมูลสำหรับชี้แจ้งไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่ออธิบายให้ดีเอสไอเข้าใจว่า ขั้นตอนการสอบครูผู้ช่วยที่ สพฐ.ดำเนินการไปนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้ว การจัดสอบครูผู้ช่วยของ สพฐ.นั้น ก็เป็นภารกิจที่ สพฐ.ได้รับมอบจาก ก.ค.ศ.และให้หลักเกณฑ์หลายข้อที่ต้องดำเนินการตาม สพฐ.เองเกี่ยวข้องแค่ขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น
“ไม่หนักใจ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน สพฐ.ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา และมีการบันทึกทุกขั้นตอนการดำเนินการไว้อย่างชัดเจน มีกรรมการรับผิดชอบทุกขั้นตอน ซึ่งก็มั่นใจว่า หน่วยงานสอบสวนกลางอย่างดีเอสไอนั้น จะสอบสวนด้วยความถี่ถ้วนจนได้ข้อสรุปที่ตรงความจริง” นายชินภัทร กล่าว
นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ดีเอสไอ มีมติรับเรื่องทุจริตการสอบครูผู้ช่วย เป็นคดีพิเศษแล้ว จากนี้เท่ากับว่าดีเอสไอมีอำนาจสมบูรณ์และสามารถสอบสวนในเชิงลึกได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนกำลังพิจารณาตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นมาอีกชุดด้วย เพื่อรวบรวมสรุปข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับการสอบทุจริตทั้งที่ได้จากคณะกรรมการตรวจสอบฯ ชุดนายพิษณุ และที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การทำงานเรื่องดังกล่าวรวดเร็วขึ้น
ถามว่า เมื่อดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้วจะมีการพิจารณาย้าย นายชินภัทร หรือไม่เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค์ต่อการสอบสวน นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว ต้องขอดูข้อมูลการสอบสวนของดีเอสไอหลังจากที่รับเป็นคดีพิเศษก่อน ซึ่งทั้งหมดจะพิจารณารอบคอบ แต่ยืนยันว่า ศธ.ยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอในการให้ข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับการร้องขอแน่นอน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ตนยังไม่ได้พูดคุยกับ นายชินภัทร เรื่องที่ดีเอสไอรับการสอบทุจริตครูเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากวันนี้ (28 มี.ค.) ตนเดินทางมาร่วมงานรำลึกคุรุวีรชน จังหวัดชายแดนใต้ ที่ จ.ปัตตานี แม้ว่าในงานดังกล่าวนายชินภัทร จะเดินทางมาร่วมด้วยก็ตาม