เด็กสาวหวังขาวสวย ฮิตทำครีมกวนเองและซื้อครีมกระปุกเปลือยทาตามตัว เชื่อเหมือนใส่ถุงน่องช่วยผิวขาวอมชมพู หงายเงิบได้ผิวแตกลาย แถมผื่นขึ้นเป็นของแถม ตรวจพบเจอสารปรอท แฉ! ร้านขายยาขายปรอทวัดไข้จนขาดตลาด
น.ต.หญิงเบญจพร พุฒคำ เภสัชกรชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพชรบุรี กล่าวในการประชุมสมัชชาวิชาการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ 3 ว่า จากการเฝ้าระวังและจัดการความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์สุขภาพ เรื่อง “ความปลอดภัยด้านเครื่องสำอาง : กรณีศึกษาการใช้เครื่องสำอางทาผิวของนักเรียนในจังหวัดเพชรบุรี” โดยศึกษากรณีตัวอย่างของนักเรียน หลังพบการแพร่ระบาดใช้ครีมทาผิวตั้งแต่ช่วงต้นปี 55 ซึ่งเชื่อว่าทาแล้วจะเหมือนการใส่ถุงน่องทำให้ผิวมีสีอมชมพู และนิยมซื้อครีมแบ่งขายเป็นกระปุกเปลือย ไม่มีฉลาก มาใช้กันอย่างแพร่หลาย บางรายผสมครีมเอง ซึ่งพบว่า ครีมดังกล่าวทำให้ผิวแตกลาย เกิดอาการผื่นคัน โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงมีการนำตัวอย่างครีมเหล่านั้นมาตรวจ ซึ่งพบสารต้องห้าม คือสารปรอท
น.ต.หญิงเบญจพร กล่าวอีกว่า การทาครีมของนักเรียนนั้น เด็กต้องการให้ผิวเหมือนการใส่ถุงน่อง คือ ออกเป็นสีเนื้ออมชมพู จากการสัมภาษณ์เด็กที่ใช้ 7 ราย มีอาการคล้ายคลึงกัน คือ คันและผิวหนังแตกลาย เช่น น.ส.บี ได้คำแนะนำมาจากรุ่นพี่ทาบริเวณแขนและขา ใช้มา 6 เดือน และเริ่มพบอาการในเดือนที่ 4 เริ่มเกิดอาการแพ้ผื่นคันตามตัว แต่ตนเองพอใจที่ผิวขาวขึ้น และทนใช้ต่อมาเรื่อยๆ ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจเลิกใช้เพราะเมื่อนำครีมมาทดสอบพบว่ามีสารปรอท ส่วนกรณีของน้องโบว์ อายุ 16 ปี ใช้ครีมกวนเอง ได้สูตรมาจากญาติ ทาทั้งตัว ยกเว้นหน้าและลำคอ ใช้มา 6 เดือน เริ่มเกิดอาการผิวหนังแตกลาย บริเวณต้นขาด้านหน้า 2 ข้าง จึงหยุดใช้ครีม แต่หลังหยุดใช้ครีม เกิดอาการผื่นขึ้น และคันตามผิวหนังโดยไม่ทราบสาเหตุ
“จากผลการดำเนินโครงการความปลอดภัยด้านเครื่องสำอางใน จ.เพชรบุรี ตั้งแต่ 2551-2555 โดยการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ส่งตรวจวิเคราะห์ พบว่า ครีมดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการที่มีผู้ผลิตมีการแอบผสมสารห้ามใช้ เช่น ปรอท โดยทราบว่า ร้านขายยามีจำนวนการขายปรอทวัดไข้สูงมากจนขาดตลาด นอกจากนี้ ยังพบเครื่องสำอางแบ่งขายเป็นกิโลเป็นกระปุก ไม่มีฉลาก ให้แก่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งเมื่อพบปัญหาเด็กเหล่านี้จะไม่กล้าบอกใคร ส่วนสารที่พบเบื้องต้น คือ สารปรอทแอมโมเนีย และคาดว่าน่าจะมีสารต้องห้ามตัวอื่นๆ ผสมอยู่อีก โดยอยู่ระหว่างรอส่งตรวจวิเคราะห์ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบต่อไป” น.ต.หญิงเบญจพร กล่าว