สธ.เปิด “คลินิกวัยทีน” ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ 835 แห่ง หวังดูแลแก้ปัญหาเรื่องเพศในวัยรุ่น ทั้งท้องก่อนวัยอันควร และการติดเชื้อฟรี เตรียมประสานโรงเรียนมัธยมฯทุกอำเภอ หลังพบสถิติล่าสุด วัยรุ่นมีอัตราติดเชื้อเอชไอวีร้อยละ 1 คลอดลูกชั่วโมงละ 15 คน ผลตามมาของการตั้งครรภ์ตั้งแต่เด็กทำให้รูปร่างเตี้ย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้วัยรุ่นไทยจำนวนมากให้ความสำคัญกับวันที่ 14 ก.พ.ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก สธ.มีความห่วงใยปัญหาวัยรุ่นสำคัญ 2 เรื่องใหญ่ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตหากไม่เร่งป้องกันแก้ไขคือ 1.การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันและมีก่อนวัยอันควร สะท้อนจากปัญหาจริงที่ปรากฏขณะนี้ คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมทั้งการติดเชื้อเอชไอวี และปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ที่มากขึ้น สาเหตุเพราะขาดความรู้ความรู้ความเข้าใจหรือเข้าใจผิดในเรื่องของเพศสัมพันธ์กับการแสดงออกซึ่งความรักให้กัน และ 2.การเข้าไม่ถึงบริการ หรือถูกผู้ให้บริการและสังคมรอบข้างตีตราวัยรุ่นที่มีปัญหาทางด้านเพศ
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาในกลุ่มวัยรุ่นอย่างครบสูตร ในปี 2556 สธ.ได้เปิดคลินิกให้บริการวัยรุ่นและเยาวชน หรือคลินิกวัยทีน ในโรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับทุกอำเภอรวม 835 แห่ง โดยจัดอบรมบุคลากรให้บริการที่เป็นมิตร เป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้ และรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างดี บริการสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน ให้บริการปรึกษาวัยรุ่นได้ทุกเรื่อง ทั้งให้ความรู้ คำแนะนำ บริการส่งเสริมสุขภาพ การดูแลทางการแพทย์ทั้งเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย บริการยาเม็ดคุมกำเนิด และถุงยางอนามัย ส่งเสริมให้เยาวชนวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเข้ารับการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี หากพบติดเชื้อจะได้รับบริการที่เหมาะสม ปลอดภัย เป็นบริการฟรีทั้งหมด โดยวัยรุ่นสามารถเข้าไปใช้บริการโดยตรง สบายใจ ไม่ต้องยื่นบัตรผ่านแผนกผู้ป่วยนอกเหมือนผู้ป่วยทั่วไป
“คลินิกดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับโรงเรียน ในปีนี้เตรียมขยายในพื้นที่ กทม.8 แห่ง และจะขยายให้ได้ 1,000 คลินิก 1,000 โรงเรียน ครูสามารถส่งนักเรียนที่มีความเสี่ยงหรือมีปัญหาไปที่คลินิกได้ จะทำให้เยาวชน วัยรุ่นในโรงเรียนทุกแห่งที่มีปัญหามีที่พึ่งที่ให้บริการได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาจะยุ่งยาก ซับซ้อน ยากต่อการแก้ไข ที่ผ่านมามีข้อมูลว่าวัยรุ่นที่มีปัญหามักจะไม่กล้าบอกพ่อแม่ จะปรึกษาเพื่อนแทน หรือร้านยา และอาจได้รับการชี้แนะทางออกที่ไม่ถูกต้อง บางรายเสียชีวิต ที่พบได้เนืองๆ คือการทำแท้ง และมีข้อมูลสำรวจแม่วัยรุ่นที่มีบุตรก่อนอายุ 18 ปี พบว่าร้อยละ 12 เคยคิดฆ่าตัวตายระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอดจำนวน 1-2 ครั้ง” รมช.สาธารณสุข กล่าว
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ขณะนี้วัยรุ่นและเยาวชนทั่วโลกเข้าไปข้องเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศในลักษณะต่างๆ มีจำนวนมากกว่าอดีต แนวโน้มการมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้นเนื่องจากเข้าถึงเรื่องเพศง่ายขึ้น โดยเฉพาะทางอินเทอร์เน็ต เด็กใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตมากกว่าการอ่านหนังสือถึง 6 เท่า ทำให้ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ในวัยเด็กเพิ่มขึ้น จึงต้องย้ำเตือนวัยรุ่นและสังคมให้ตระหนัก และทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขป้องกันอย่างจริงจัง
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า เครื่องมือป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่นหนองใน ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี ซี โรคเอดส์ ฝีมะม่วง โรคแผลริมอ่อน ที่ได้ผลที่สุดและมีราคาถูกที่สุดคือ ถุงยางอนามัย แต่อัตราการใช้ในเด็กวัยรุ่นยังค่อนข้างต่ำ ผลสำรวจในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ล่าสุดในปี 2554 พบนักเรียนชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุเฉลี่ย 12.25 ปี เร็วขึ้นกว่าปี 2550 เฉลี่ยอายุ 13.25 ปี ส่วนเด็กมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งชายและหญิง ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเฉลี่ยเพียงร้อยละ 52 และใช้ทุกครั้งกับแฟนหรือคนรักต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ เฉลี่ยเพียงร้อยละ 25 จึงทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์หรือติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สูง โดยสถิติพบว่าอัตราการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี จากร้อยละ 17 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 19 ในปี 2553
“ที่น่าเป็นห่วงพบว่า ข้อมูลของคลินิกบริการที่เป็นมิตรกับวัยรุ่นในโรงพยาบาลต่างๆ 650 แห่งใน 43 จังหวัด ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลกล่าสุดในปี 2555 ซึ่งดำเนินร่วมระหว่างภาครัฐกับองค์เอกชนสาธารณประโยชน์หรือเอ็นจีโอ ได้ให้ความรู้เยาวชนในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จำนวน 1 ล้านกว่าราย และมีเยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงได้รับการปรึกษา และแนะนำสนับสนุนให้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี รวม 37,610 คน ผลการตรวจพบติดเชื้อ 422 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งพบแพทย์และรับยาต้านไวรัสเอดส์ตามระบบการรักษา” ปลัด สธ.กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาวัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปี พบมีแนวโน้มการคลอดมากขึ้น ในปี 2554 จำนวน 29,321คน เฉลี่ยคลอดชั่วโมงละ 15 คน ในขณะที่ในปี 2548 มีคลอดรวม 113,048 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 13 คน โดยวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์หลังจากมีประจำเดือนเพียง 2 ปีแรก จะเสี่ยงทารกคลอดจะมีน้ำหนักตัวน้อยสูงกว่าหญิงทั่วไป โอกาสเสียชีวิตสูง ประการสำคัญ วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ช่วง 5 ปีแรกหลังมีประจำเดือน ร่างกายจะเตี้ยกว่าคนอื่น เพราะการหลั่งฮอร์โมนเพศมาก ทำให้ส่วนสร้างกระดูกปิดเร็ว กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าจะลดอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นนี้ให้เหลือไม่เกิน 50 ต่อ 1,000 ประชากร เพื่อลดปัญหาสุขภาพทั้งแม่และเด็ก
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้วัยรุ่นไทยจำนวนมากให้ความสำคัญกับวันที่ 14 ก.พ.ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก สธ.มีความห่วงใยปัญหาวัยรุ่นสำคัญ 2 เรื่องใหญ่ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตหากไม่เร่งป้องกันแก้ไขคือ 1.การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันและมีก่อนวัยอันควร สะท้อนจากปัญหาจริงที่ปรากฏขณะนี้ คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รวมทั้งการติดเชื้อเอชไอวี และปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ที่มากขึ้น สาเหตุเพราะขาดความรู้ความรู้ความเข้าใจหรือเข้าใจผิดในเรื่องของเพศสัมพันธ์กับการแสดงออกซึ่งความรักให้กัน และ 2.การเข้าไม่ถึงบริการ หรือถูกผู้ให้บริการและสังคมรอบข้างตีตราวัยรุ่นที่มีปัญหาทางด้านเพศ
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาในกลุ่มวัยรุ่นอย่างครบสูตร ในปี 2556 สธ.ได้เปิดคลินิกให้บริการวัยรุ่นและเยาวชน หรือคลินิกวัยทีน ในโรงพยาบาลในสังกัดทุกระดับทุกอำเภอรวม 835 แห่ง โดยจัดอบรมบุคลากรให้บริการที่เป็นมิตร เป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้ และรักษาความเป็นส่วนตัวอย่างดี บริการสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน ให้บริการปรึกษาวัยรุ่นได้ทุกเรื่อง ทั้งให้ความรู้ คำแนะนำ บริการส่งเสริมสุขภาพ การดูแลทางการแพทย์ทั้งเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย บริการยาเม็ดคุมกำเนิด และถุงยางอนามัย ส่งเสริมให้เยาวชนวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเข้ารับการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี หากพบติดเชื้อจะได้รับบริการที่เหมาะสม ปลอดภัย เป็นบริการฟรีทั้งหมด โดยวัยรุ่นสามารถเข้าไปใช้บริการโดยตรง สบายใจ ไม่ต้องยื่นบัตรผ่านแผนกผู้ป่วยนอกเหมือนผู้ป่วยทั่วไป
“คลินิกดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับโรงเรียน ในปีนี้เตรียมขยายในพื้นที่ กทม.8 แห่ง และจะขยายให้ได้ 1,000 คลินิก 1,000 โรงเรียน ครูสามารถส่งนักเรียนที่มีความเสี่ยงหรือมีปัญหาไปที่คลินิกได้ จะทำให้เยาวชน วัยรุ่นในโรงเรียนทุกแห่งที่มีปัญหามีที่พึ่งที่ให้บริการได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่ปัญหาจะยุ่งยาก ซับซ้อน ยากต่อการแก้ไข ที่ผ่านมามีข้อมูลว่าวัยรุ่นที่มีปัญหามักจะไม่กล้าบอกพ่อแม่ จะปรึกษาเพื่อนแทน หรือร้านยา และอาจได้รับการชี้แนะทางออกที่ไม่ถูกต้อง บางรายเสียชีวิต ที่พบได้เนืองๆ คือการทำแท้ง และมีข้อมูลสำรวจแม่วัยรุ่นที่มีบุตรก่อนอายุ 18 ปี พบว่าร้อยละ 12 เคยคิดฆ่าตัวตายระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอดจำนวน 1-2 ครั้ง” รมช.สาธารณสุข กล่าว
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ขณะนี้วัยรุ่นและเยาวชนทั่วโลกเข้าไปข้องเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศในลักษณะต่างๆ มีจำนวนมากกว่าอดีต แนวโน้มการมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้นเนื่องจากเข้าถึงเรื่องเพศง่ายขึ้น โดยเฉพาะทางอินเทอร์เน็ต เด็กใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตมากกว่าการอ่านหนังสือถึง 6 เท่า ทำให้ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ในวัยเด็กเพิ่มขึ้น จึงต้องย้ำเตือนวัยรุ่นและสังคมให้ตระหนัก และทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขป้องกันอย่างจริงจัง
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า เครื่องมือป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่นหนองใน ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี ซี โรคเอดส์ ฝีมะม่วง โรคแผลริมอ่อน ที่ได้ผลที่สุดและมีราคาถูกที่สุดคือ ถุงยางอนามัย แต่อัตราการใช้ในเด็กวัยรุ่นยังค่อนข้างต่ำ ผลสำรวจในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 ล่าสุดในปี 2554 พบนักเรียนชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุเฉลี่ย 12.25 ปี เร็วขึ้นกว่าปี 2550 เฉลี่ยอายุ 13.25 ปี ส่วนเด็กมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งชายและหญิง ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเฉลี่ยเพียงร้อยละ 52 และใช้ทุกครั้งกับแฟนหรือคนรักต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ เฉลี่ยเพียงร้อยละ 25 จึงทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์หรือติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สูง โดยสถิติพบว่าอัตราการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี จากร้อยละ 17 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 19 ในปี 2553
“ที่น่าเป็นห่วงพบว่า ข้อมูลของคลินิกบริการที่เป็นมิตรกับวัยรุ่นในโรงพยาบาลต่างๆ 650 แห่งใน 43 จังหวัด ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลกล่าสุดในปี 2555 ซึ่งดำเนินร่วมระหว่างภาครัฐกับองค์เอกชนสาธารณประโยชน์หรือเอ็นจีโอ ได้ให้ความรู้เยาวชนในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จำนวน 1 ล้านกว่าราย และมีเยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงได้รับการปรึกษา และแนะนำสนับสนุนให้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี รวม 37,610 คน ผลการตรวจพบติดเชื้อ 422 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งพบแพทย์และรับยาต้านไวรัสเอดส์ตามระบบการรักษา” ปลัด สธ.กล่าว
นพ.ณรงค์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาวัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปี พบมีแนวโน้มการคลอดมากขึ้น ในปี 2554 จำนวน 29,321คน เฉลี่ยคลอดชั่วโมงละ 15 คน ในขณะที่ในปี 2548 มีคลอดรวม 113,048 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 13 คน โดยวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์หลังจากมีประจำเดือนเพียง 2 ปีแรก จะเสี่ยงทารกคลอดจะมีน้ำหนักตัวน้อยสูงกว่าหญิงทั่วไป โอกาสเสียชีวิตสูง ประการสำคัญ วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ช่วง 5 ปีแรกหลังมีประจำเดือน ร่างกายจะเตี้ยกว่าคนอื่น เพราะการหลั่งฮอร์โมนเพศมาก ทำให้ส่วนสร้างกระดูกปิดเร็ว กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าจะลดอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นนี้ให้เหลือไม่เกิน 50 ต่อ 1,000 ประชากร เพื่อลดปัญหาสุขภาพทั้งแม่และเด็ก