กรมควบคุมโรค เผย เปลี่ยนภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ช่วยลดปริมาณการสูบได้ แนะควรเปลี่ยนอย่างน้อย 2 ปี 1 ครั้ง ชี้ ต้องเร่งใช้มาตรการภาษีเตรียมรับการเปิด AEC ให้เท่าทันบริษัทบุหรี่
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณี สธ.ผ่านหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขรูปภาพ ข้อความคำเตือนเกี่ยวกับพิษภัยและช่องทางติดต่อ เพื่อการเลิกยาสูบในฉลากของบุหรี่ซิกาแรต ว่า ตามปกติหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดว่า ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ควรมีการปรับเปลี่ยนอย่างน้อย 2 ปี 1 ครั้ง เนื่องจากเมื่อใช้ภาพคำเตือนไประยะหนึ่ง จะมีความรู้สึกเคยชินต่อภาพนั้นๆ ทำให้ประสิทธิผลที่จะเกิดจากการมีภาพคำเตือนนั้นลดลง ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนแบบอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง WHO ได้ชี้ว่า การกำหนดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่นั้น ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งส่งผลต่อผู้บริโภค ทำให้เกิดความกลัวไม่กล้าลอง และสามารถลดปริมาณการบริโภคลงได้
ด้านนายหทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจล่าสุดของ คร.เมื่อปี 2554 ที่ใช้แบบสำรวจของศูนย์กรมควบคุมโรคประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเกณฑ์การสำรวจการสูบบุหรี่ที่ใช้เหมือนกันทั่วโลกนั้น พบว่า ประชากรไทยที่สูบบุหรี่ร้อยละ 2-3 ดูคำเตือนรูปภาพแล้วมีความอยากสูบบุหรี่ลดลง นอกจากนี้ ยังพบว่า การใช้ภาพคำเตือนแบบเดิมเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ผู้สูบเกิดความเคยชิน การเปลี่ยนภาพคำเตือนจึงเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการควบคุมปริมาณการบริโภคของประชาชน
นายหทัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของบุหรี่ซิกาแรต ควรมีการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นและให้ครอบคลุมกับอัตราเงินเฟ้อ เช่น หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ก็จะส่งผลให้ค่าเงินถูกลงและก็จะทำให้ราคาบุหรี่ถูกลงร้อยละ 4 อีกด้วย ทั้งนี้ สธ.ควรมีการควบคุมบุหรี่ที่เข้มข้นขึ้นเพื่อรองรับการเปิดเสรีเขตเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพื่อให้เท่าทันบริษัทบุหรี่ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทบุหรี่มีการเปลี่ยนยี่ห้อและลดราคาบุหรี่ลงส่งผลให้จำนวนนักสูบหน้าใหม่ และผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้วไม่ลดจำนวนลง เพราะเมื่อราคาบุหรี่ยี่ห้อที่เคยสูบแพงขึ้นนักสูบก็จะหันมาสูบบุหรี่ยี่ห้ออื่นที่ถูกกว่าแทน
นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณี สธ.ผ่านหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขรูปภาพ ข้อความคำเตือนเกี่ยวกับพิษภัยและช่องทางติดต่อ เพื่อการเลิกยาสูบในฉลากของบุหรี่ซิกาแรต ว่า ตามปกติหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดว่า ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ควรมีการปรับเปลี่ยนอย่างน้อย 2 ปี 1 ครั้ง เนื่องจากเมื่อใช้ภาพคำเตือนไประยะหนึ่ง จะมีความรู้สึกเคยชินต่อภาพนั้นๆ ทำให้ประสิทธิผลที่จะเกิดจากการมีภาพคำเตือนนั้นลดลง ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนแบบอย่างสม่ำเสมอ ซึ่ง WHO ได้ชี้ว่า การกำหนดภาพคำเตือนบนซองบุหรี่นั้น ยิ่งมีขนาดใหญ่ยิ่งส่งผลต่อผู้บริโภค ทำให้เกิดความกลัวไม่กล้าลอง และสามารถลดปริมาณการบริโภคลงได้
ด้านนายหทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจล่าสุดของ คร.เมื่อปี 2554 ที่ใช้แบบสำรวจของศูนย์กรมควบคุมโรคประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเกณฑ์การสำรวจการสูบบุหรี่ที่ใช้เหมือนกันทั่วโลกนั้น พบว่า ประชากรไทยที่สูบบุหรี่ร้อยละ 2-3 ดูคำเตือนรูปภาพแล้วมีความอยากสูบบุหรี่ลดลง นอกจากนี้ ยังพบว่า การใช้ภาพคำเตือนแบบเดิมเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ผู้สูบเกิดความเคยชิน การเปลี่ยนภาพคำเตือนจึงเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการควบคุมปริมาณการบริโภคของประชาชน
นายหทัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของบุหรี่ซิกาแรต ควรมีการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นและให้ครอบคลุมกับอัตราเงินเฟ้อ เช่น หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ก็จะส่งผลให้ค่าเงินถูกลงและก็จะทำให้ราคาบุหรี่ถูกลงร้อยละ 4 อีกด้วย ทั้งนี้ สธ.ควรมีการควบคุมบุหรี่ที่เข้มข้นขึ้นเพื่อรองรับการเปิดเสรีเขตเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เพื่อให้เท่าทันบริษัทบุหรี่ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทบุหรี่มีการเปลี่ยนยี่ห้อและลดราคาบุหรี่ลงส่งผลให้จำนวนนักสูบหน้าใหม่ และผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้วไม่ลดจำนวนลง เพราะเมื่อราคาบุหรี่ยี่ห้อที่เคยสูบแพงขึ้นนักสูบก็จะหันมาสูบบุหรี่ยี่ห้ออื่นที่ถูกกว่าแทน
