“อานันท์” ชิ่ง! หนีสื่อไม่โผล่ร่วมประชุม และให้สัมภาษณ์ ขณะที่มูลนิธิเตรียมออกประกาศให้ “อานันท์” ยุติบทบาท คาดมีผลวันที่ 30 ม.ค.นี้ พร้อมแจงการควบรวมเป็นไปตาม กฎหมาย ยันครูทุกคนไม่กระทบ ด้าน รก.เลขาธิการ กช. เตรียมลงนามตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีออกคำสั่งปิดเรียนวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาหากพบไม่ถูกต้องจะส่งหนังสือตักเตือน ฟากกลุ่มเครือข่ายพอใจผลหารือเบื้องต้น ย้ำ การยุติบทบาทไม่กระทบเด็กแน่นอก และเตรียมแผนยกระดับมาตรการเดินหน้าเรียกร้องตามข้อเสนอต่อไป
ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 08.30 น.ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) คณะผู้บริหารจากมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย พร้อมคณะครูและศิษย์เก่าฯ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เข้าร่วม โดยใช้ห้องประชุมซึ่งอยู่ติดกับห้องผู้อำนวยการ ภราดา อานันท์ ปรีชาวุฒิ จนกระทั่งการประชุมผ่านไประยะหนึ่ง ได้มีการเคลื่อนไหวจากคณะครูและศิษย์เก่า ที่ต้องออกมารอนอกห้องประชุม เหลือเพียงทาง สช และมูลนิธิหารือในประเด็นที่ทางศิษย์เก่าเรียกร้องให้ ภราดา อานันท์ ต้องลาออกจากตำแหน่ง โดยการประชุมวันนี้ ภราดา อานันท์ แม้จะมาทำงานปกติแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมเช่นเดียวกับภราดา ศิริชัย ฟอนซีกา ประธานมูลนิธิฯก็ไม่มาเช่นกัน
โดยเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. นายชาญวิทย์ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับตัวแทนมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ตัวแทนครูโรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ครูโรงเรียนอัสสัมชัญ ศิษย์เก่า ตัวแทนผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง ว่า ทาง สช.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการออกคำสั่งปิดเรียนเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา หากพบว่าโรงเรียนดำเนินการไม่ถูกต้องก็จะมีหนังสือว่ากล่าวตักเตือน ส่วนข้อเสนอที่ต้องการให้ ภราดา อานันท์ ออกจากตำแหน่งนั้น เรื่องดังกล่าวไม่ใช่อำนาจของ สช.เพราะ พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน พ.ศ.2550 กำหนดให้เป็นอำนาจของโรงเรียนเป็นผู้แต่งตั้งผู้อำนวยการ ดังนั้น เรื่องนี้เป็นอำนาจของทางมูลนิธิ นอกจากนี้ ในเรื่องการปรับเงินเดือนให้กับครูนั้น ได้ขอให้ทางมูลนิธิฯไปดำเนินการ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอให้ทางมูลนิธิเป็นผู้แถลงความชัดเจนต่อ ซึ่งจากนี้ ตนจะนำผลการหารือเสนอต่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ต่อไป
ด้าน ภราดา บัญชา แสงหิรัญ ตัวแทนมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียล แถลงว่า ที่ประชุมมีมติยุติบทบาทการทำหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนของภราดาอานันท์ โดยหลังจากนี้มูลนิธิฯ จะออกประกาศยุติบทบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการโรงเรียน โดยคาดว่าจะใช้เวลา 3 วัน หรือในวันที่ 30 ม.ค.2556 และจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายทั้งคณะครู และผู้อำนวยการโรงเรียน โดยมีผู้แทนจากทุกฝ่ายเข้าร่วมเป็นกรรมการ อย่างไรก็ตาม กรณีการควบรวมโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม และโรงเรียนอัสสัมชัญนั้น เป็นไปตามกฎหมายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาโครงสร้าง และขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการควบรวมก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อนักเรียน และครู ซึ่งครูก็ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วนข้อเรียกร้องในเรื่องเงินเดือน และค่าตอบแทนพิเศษนั้น ก็ต้องเป็นไปตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และประกาศของมูลนิธิฯ
“เบื้องต้น ภราดา อานันท์ ยืนยันกับมูลนิธิฯ ว่า ตัวเองไม่มีความผิด และไม่ลาออก ซึ่งเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายในการได้แก้ข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามใน 1-2 วันนี้ ที่ยังไม่มีการออกประกาศยุติบทบาทอย่างเป็นทางการ ภราดา อานันท์ ยังสามารถลงนามอนุมัติในบางเรื่องได้ แต่ยืนยันว่า จะไม่มีการให้ครูออก หรือทำอะไรที่เกิดความเสียหาย ซึ่งหากมีความเสียหายทางมูลนิธิฯก็พร้อมรับผิดชอบ ส่วนเรื่องการนำเงินไปก่อสร้างโครงการพระราม 2 นั้น เงินบริจาคที่ได้มาเป็นของมูลนิธิฯ และการก่อสร้างก็เป็นความเห็นชอบของมูลนิธิฯ ที่ให้ดำเนินการต่อ
ด้าน นายสิทธิชัย ในฐานะโฆษกเครือข่ายครูและศิษย์เก่ากู้วิกฤตอัสสัมชัญ กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับผลการหารือเบื้องต้น ซึ่งยืนยันว่า การมีมติให้ยุติบทบาทของผู้อำนวยการโรงเรียนจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับนักเรียนแน่นอน เพราะทุกอย่างจะดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ ทราบว่า มูลนิธิฯจะหารือกับนิติกรของ สช.ในการเขียนร่างประกาศให้ครอบคลุมและเป็นไปตามกฎหมายด้วย ส่วนการเดินหน้าตามข้อเรียกร้องอื่นๆ นั้น จะมีการยกระดับความเข้มข้นกันต่อไป ทั้งนี้ ต้องขอดูประกาศที่มูลนิธิฯจะทำออกมาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ตลอดเวลาที่มีการประชุมนั้น ห้องทำงานของ ภราดา อานันท์ ซึ่งอยู่ติดกัน ยังมีเจ้าหน้าที่นั่งทำงานตามปกติ แต่จะมีการล็อคประตูจากภายในห้องแม้กระทั่งออกมาภายนอกก็จะล็อคด้วยเช่นกัน ขณะที่ภายหลังการเสร็จสิ้นการประชุม ผู้สื่อข่าวหลายสำนักได้ดักรอเพื่อขอสัมภาษณ์ ภราดา อานันท์ บริเวณหน้าห้องทำงาน ซึ่งระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งหน้าตาละม้าย ภราดา อานันท์ ถือกระเป๋าเอกสารพร้อมเปิดประตูออกมาสอบถามผู้สื่อข่าวว่า “มาทำอะไร” ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ตอบว่ามารอสัมภาษณ์ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินกลับเข้าไปในห้องพร้อม
นอกจากนี้ มีกลุ่มผู้ปกครองเดินมาบอกกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า เห็น ภราดา อานันท์ นั่งอยู่ในห้อง จากนั้นมีครูท่านหนึ่งมาแจ้งแก่ผู้สื่อข่าวว่าจะขอเคลียร์พื้นที่ โดยขอให้ออกไปรอบริเวณด้านนอกห้องประชุมเพื่อปิดประตู ซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อกับลิฟท์โดยสารที่ ภราดา อานันท์ ใช้เป็นประจำ ดังนั้น ผู้สื่อข่าวจึงลงมาดักรอที่ชั้นล่างบริเวณหน้าลิฟต์ ซึ่งระหว่างที่รอมีลิฟต์เปิด แต่มีไม่มีผู้เดินออกมา เห็นเพียงแต่มือของชายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวยื่นมากันประตูลิฟต์และกดปิดลิฟต์ที่ได้ยินเสียงผู้สื่อข่าว ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็น ภราดา อานันท์ เพราะบริเวณที่ยืนรออยู่นั้นเป็นทางออกไปยังลานจอดรถได้