xs
xsm
sm
md
lg

เวทีฟังความเห็นร่างกรอบเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู ส่อเค้าเหลว!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวทีรับฟังความเห็นครั้งแรกต่อกรอบเจรจา เอฟทีเอ ไทย-สหภาพยุโรป ส่อเค้ากลายเป็นผักชี ตัวแทนกรมฯ รับปากว่าจะเผยแพร่ในเว็บไซต์ก่อนเข้าสภาฯ แต่ไม่ยืนยันว่าจะนำความเห็นประชาชนนำเสนอต่อสภาฯหรือไม่

วันนี้ (23 ม.ค.) กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเวทีรับความความคิดเห็นต่อร่างกรอบเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย กับสหภาพยุโรป โดย นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ ว็อทช์) กล่าวว่า ในบทสรุปสำหรับผู้บริหารที่ตามเอกสารของกรม ที่จัดทำโดยหอการค้าว่าไทยจะมีความเสียหายทางการค้าที่จะมากถึง 3 แสนล้านบาท หากไทยเสียสิทธิพิเศษทางการค้า หรือ จีเอสพี ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ล่าสุดธนาคารไทยพาณิชย์ประเมินความเสียหายดังกล่าวมีมูลค่าไม่ถึง 8 หมื่นล้านบาท ข้อมูลดังกล่าวเป็นการจงใจปั้นตัวเลขความเสียหายให้สูงเกินจริง ถือเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงต่อ ครม.

ด้าน นายอนันต์ เมืองมูลไชย กรรมการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่ทุกฝ่ายกังวลและให้ความสนใจ คือ เรื่องทรัพทย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงยาของประเทศ หากรับข้อตกลงที่เกินไปกว่าทริปส์ และยุทธศาสตร์ด้านยาของประเทศก็ระบุชัดว่า ความตกลงระหว่างประเทศต้องไม่เกินไปกว่าความตกลงกับองค์การการค้าโลก

“ที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเรื้อรังอื่นทั้งหัวใจ และมะเร็งต่างเข้าถึงยาจำเป็นได้ เพราะประเทศทำซีแอลได้ มียาชื่อสามัญเข้ามาในประเทศไทย หากครั้งนี้ไทยรับข้อตกลงที่เกินไปกว่าทริปส์ ผู้ป่วยเรื้อรังก็ไม่มีทางเข้าถึงยาจำเป็นได้อีกต่อไป ประเทศก็ต้องใช้งบประมาณมากขึ้นในด้านยา ความเสียหายเฉพาะประเด็นการคุ้มครองข้อมูลทางยา (DataExclusivity) อย่างเดียว ก็ทำให้ไทยต้องใช้งบประมาณมากว่า 8 หมื่นล้านต่อปี เฉพาะด้านยา" กรรมการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าว

นายเชิญพร เต็งอำนวย รองประธานสภาอุตสาหกรรม กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างประเทศต้องคำนึงถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาภายในประเทศ หากนำกรอบเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาเข้าไปเจรจา ไทยก็เสียเปรียบอย่างแน่นอน ผลของการผูกขาดสิทธิบัตรยาก็จะทำให้อุตสาหกรรมยาในประเทศถดถอย ผลิตยาชื่อสามัญได้ยากขึ้น อุตสาหกรรมในประเทศเองก็จะไม่เติบโตในขณะที่ ประเทศไทยก็จะเสียดุลย์การค้าให้กับการนำเข้ายาต่างประเทศที่มากขึ้นด้วย

นางสาวสุภัทรา นาคะผิว ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำร่างกรอบการเจรจามาเปิดเผยต่อสาธารณชน และเปิดเวทีให้แสดงความคิดเห็น จากข้อมูลที่กรมฯ ให้ต่อ ครม.ว่า มีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นมาหลายครั้ง นับจากปี 2552 นั้น ไม่ถือว่าเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็น เพราะไม่มีกรอบการเจรจาใดใดมาก่อนเลยซึ่งการลงมติ ครม. ผ่านร่างกรอบเจรจาเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 นั้นสุ่มเสี่ยงว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดมาตรา 190 ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550

นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า ภาคประชาชนไม่ได้มีเขา และไม่อยากให้งานนี้เป็นพิธีกรรม พวกเราพูดมาแล้วหลายเวที ทุกจังหวัด ไม่ให้นำแอลกอฮอล์ และบุหรี่เข้าในกรอบเจรจา แต่ก็ยังไม่เป็นผล และหวังว่า เวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้จะไม่เป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น ต้องรับฟังแล้วตอบเราว่าถ้าแก้จะแก้อย่างไร เพราะอะไร หรือถ้าไม่แก้เพราะอะไรจึงไม่แก้ ประชาชนหวังว่าเสียงประชาชนที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ จะมีผลมากกว่าเสียงพ่อค้าที่ปกป้องประโยชน์ของตนเอง”

นายรัชวิทย์ ปิยะปราโมทย์ นักวิชาการชำนาญการ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะดำเนินการเสวนาฯ กล่าวว่า ความคิดเห็นจากเวทีนี้ อาจจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนกรอบเจรจาก็ได้ ตนไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ ต้องนำเรื่องเสนอต่อผู้ใหญ่ในกระทรวงให้พิจารณาก่อน แต่จะนำความเห็นทั้งหมด ประมวลผลเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกรมเป็นเบื้องต้น แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะสามารถนำเข้าเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้หรือไม่ หรือจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น