คณะวิทย์ จุฬาฯ เตรียมเปลี่ยนการสอนวิทย์ครั้งใหญ่ เน้นทักษะ 2 ด้านหลัก คือ อาจารย์สอนจบใน ชม.หรือแต่ละเรื่อง นิสิต สรุปวิจารณ์ได้ ชี้ เริ่มต้นจากอาจารย์ 10 คน พร้อมเสนอแนวคิดต่อ ทปษ.รมว.ศึกษาฯ ด้วย ซึ่งได้รับความสนใจ และจะขยายผลไปสู่การประชุมยุทธศาสตร์แผนการศึกษาชาติด้วย
ศ.ดร.สุพจน์ หารหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ในโอกาสที่จุฬาฯ จะมีอายุครบ 100 ปี ในปี พ.ศ.2560 จึงได้จัดทำโครงการกู้วิกฤตการเรียนวิทยาศาสตร์เพื่อกู้วิกฤตชาติ เพื่อเป็นของขวัญให้กับคนไทย โดยมุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการเรียนการสอนให้เด็กไทยคิดเป็น คิดนอกกรอบ เนื่องจากขณะนี้กระแสโลกมีความตื่นตัวอย่างมากในการสร้างคนในโลกยุคใหม่ ทั้งเวทีระดับโลกหลายแห่งก็สรุปออกมาเป็นทักษะในศตวรรษที่ 21 หรือ 21th Century Skill 12ด้าน สำหรับประเทศไทยนั้น ตนได้เตรียมการโดยเริ่มจากอาจารย์ผู้สอนของคณะวิทย์ 10 คน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิธีการสอน โดยขอให้สอนนิสิตให้ได้ทักษะสำคัญ 2 ประการ คือ เมื่ออาจารย์สอนจบในแต่ละชั่วโมง หรือแต่ละเรื่อง นิสิตสามารถสรุปและวิจารณ์ได้ ทั้งนี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ จะต้องมีการปรับหลักสูตร ปรับรูปแบบการสอนให้อาจารย์สอนโดยใช้เวลาน้อยที่สุด และเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียนให้มากที่สุดและปรับรูปแบบการวัดผลที่สอดคล้อง
“คณะวิทย์ จุฬาฯ มีความตื่นตัวค่อนข้างมากที่จะพัฒนารูปแบบการสอน โดยเริ่มต้นที่อาจารย์ที่สนใจ 10 คน จากนั้นจะขยายรูปแบบการสอนนี้ให้กับคณาจารย์อื่นๆ ในคณะ แล้วจึงเผยแพร่ออกไปยังคณะอื่นๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม ผมได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวนี้ให้กับ ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ และนายวิชัย ริ้วตระกูล ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แล้ว โดย ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ให้ความสนใจ และจะนำไปขยายผลต่อในการประชุมยุทธศาสตร์แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 (พ.ศ.2555-2559) ส่วน นายวิชัย ก็เห็นด้วยเช่นกัน” ศ.ดร.สุพจน์ กล่าว
คณบดีคณะวิทย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนการสอนเป็นเรื่องยาก แต่ตนเชื่อมั่นว่า หากระดับนโยบายตั้งแต่ รมว.ศึกษาธิการ เห็นด้วย และเอาจริงก็ช่วยผลักดันทั้งนโยบาย ทรัพยากร และงบประมาณก็เชื่อว่า เราจะสามรถปรับวิธีการสอนให้เด็กคิดนอกกรอบได้สำเร็จ ขณะเดียวกันเมื่อมีการปรับกระบวนการเรียนการสอนครั้งใหญ่ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบการเลื่อนวิทยฐานะ/การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการให้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ซึ่งหากจะให้เป็นเช่นนั้น ก็จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน โดยควรจะต้องมีตำแหน่งทางวิชาการ หรือศาสตราจารย์ (ศ.) ด้านการสอน แยกจากสาขาอื่นๆ ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้หารือกับนายวิชัย ริ้วตระกูล ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แล้ว และ นายวิชัย บอกว่า ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งคิดว่าเร็วๆ จะมีหลักเกณฑ์ในการของตำแหน่งทางวิชาการด้านการสอนออกมา
“ผลงานที่จะมาใช้ขอตำแหน่งทางวิชาการด้านการสอนได้ จะต้องเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ เห็นผลเชิงประจักษ์ ว่าผลการเรียนของเด็กดีขึ้นและสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เรียนไปในทางที่ดีได้ แต่สิ่งที่ตนน่าห่วงคือ อาจจะมีคนไม่เข้าใจและไปเขียนหนังสือเป็นเล่มๆ และบอกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ด้านการสอนเพื่อมาขอผลงานทางวิชาการ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงต้องมีการทำความเข้าใจให้รอบด้านก่อน” ศ.ดร.สุพจน์ กล่าว
ศ.ดร.สุพจน์ หารหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ในโอกาสที่จุฬาฯ จะมีอายุครบ 100 ปี ในปี พ.ศ.2560 จึงได้จัดทำโครงการกู้วิกฤตการเรียนวิทยาศาสตร์เพื่อกู้วิกฤตชาติ เพื่อเป็นของขวัญให้กับคนไทย โดยมุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการเรียนการสอนให้เด็กไทยคิดเป็น คิดนอกกรอบ เนื่องจากขณะนี้กระแสโลกมีความตื่นตัวอย่างมากในการสร้างคนในโลกยุคใหม่ ทั้งเวทีระดับโลกหลายแห่งก็สรุปออกมาเป็นทักษะในศตวรรษที่ 21 หรือ 21th Century Skill 12ด้าน สำหรับประเทศไทยนั้น ตนได้เตรียมการโดยเริ่มจากอาจารย์ผู้สอนของคณะวิทย์ 10 คน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิธีการสอน โดยขอให้สอนนิสิตให้ได้ทักษะสำคัญ 2 ประการ คือ เมื่ออาจารย์สอนจบในแต่ละชั่วโมง หรือแต่ละเรื่อง นิสิตสามารถสรุปและวิจารณ์ได้ ทั้งนี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ จะต้องมีการปรับหลักสูตร ปรับรูปแบบการสอนให้อาจารย์สอนโดยใช้เวลาน้อยที่สุด และเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาแสดงความคิดเห็นในชั้นเรียนให้มากที่สุดและปรับรูปแบบการวัดผลที่สอดคล้อง
“คณะวิทย์ จุฬาฯ มีความตื่นตัวค่อนข้างมากที่จะพัฒนารูปแบบการสอน โดยเริ่มต้นที่อาจารย์ที่สนใจ 10 คน จากนั้นจะขยายรูปแบบการสอนนี้ให้กับคณาจารย์อื่นๆ ในคณะ แล้วจึงเผยแพร่ออกไปยังคณะอื่นๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม ผมได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวนี้ให้กับ ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ และนายวิชัย ริ้วตระกูล ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แล้ว โดย ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ให้ความสนใจ และจะนำไปขยายผลต่อในการประชุมยุทธศาสตร์แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 (พ.ศ.2555-2559) ส่วน นายวิชัย ก็เห็นด้วยเช่นกัน” ศ.ดร.สุพจน์ กล่าว
คณบดีคณะวิทย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนการสอนเป็นเรื่องยาก แต่ตนเชื่อมั่นว่า หากระดับนโยบายตั้งแต่ รมว.ศึกษาธิการ เห็นด้วย และเอาจริงก็ช่วยผลักดันทั้งนโยบาย ทรัพยากร และงบประมาณก็เชื่อว่า เราจะสามรถปรับวิธีการสอนให้เด็กคิดนอกกรอบได้สำเร็จ ขณะเดียวกันเมื่อมีการปรับกระบวนการเรียนการสอนครั้งใหญ่ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีระบบการเลื่อนวิทยฐานะ/การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการให้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ซึ่งหากจะให้เป็นเช่นนั้น ก็จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน โดยควรจะต้องมีตำแหน่งทางวิชาการ หรือศาสตราจารย์ (ศ.) ด้านการสอน แยกจากสาขาอื่นๆ ด้วย ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้หารือกับนายวิชัย ริ้วตระกูล ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) แล้ว และ นายวิชัย บอกว่า ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งคิดว่าเร็วๆ จะมีหลักเกณฑ์ในการของตำแหน่งทางวิชาการด้านการสอนออกมา
“ผลงานที่จะมาใช้ขอตำแหน่งทางวิชาการด้านการสอนได้ จะต้องเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ เห็นผลเชิงประจักษ์ ว่าผลการเรียนของเด็กดีขึ้นและสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เรียนไปในทางที่ดีได้ แต่สิ่งที่ตนน่าห่วงคือ อาจจะมีคนไม่เข้าใจและไปเขียนหนังสือเป็นเล่มๆ และบอกว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ด้านการสอนเพื่อมาขอผลงานทางวิชาการ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงต้องมีการทำความเข้าใจให้รอบด้านก่อน” ศ.ดร.สุพจน์ กล่าว