สธ.เผย 10 เมนูฮิตเสี่ยงทำท้องเป็นพิษจนต้องจู๊ดๆ ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทั้งลาบ-ก้อยดิบ ยำกุ้งเต้น ยำหอยแครง ข้าวผัดโรยเนื้อปู อาหารราดด้วยกะทิ ขนมจีน ข้าวมันไก่ ส้มตำ สลัดผัก และน้ำแข็ง แนะ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” เมนูอาหารต้องปรุงสุกร้อนสะอาด
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนมักนิยมซื้ออาหารมาปรุงเอง หรือสั่งซื้อจากร้านอาหารมาเฉลิมฉลอง หรือออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เพื่อให้มีความสุขกันอย่างถ้วนทั่วและป้องกันโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำไม่สะอาด โดยเฉพาะ 3 โรคที่มีโอกาสพบได้บ่อย ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โรคอาหารเป็นพิษ และอหิวาตกโรค สธ.ขอแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ กลุ่มผู้ประกอบการปรุงอาหาร หรือพ่อครัว แม่ครัว ต้องปรุงให้สุกทั่วถึง ร้อน และสะอาด อาหารที่เหลือเก็บต้องอุ่นให้ร้อนก่อนเสิร์ฟทุกครั้ง ผักผลไม้ ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะ เช่น มีด เขียง ระหว่างวัตถุดิบและอาหารปรุงสุกร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อโรค ดูแลครัวให้สะอาด ส่วนผู้บริโภคขอให้ยึดหลักกินร้อน ช้อนกลางและล้างมือบ่อยก่อนรับประทานอาหารและหลังใช้ส้วม หลีกเลี่ยงอาหารประเภทดิบๆ สุกๆ เช่น ลาบ ก้อย โดยเฉพาะอาหารประเภทปิ้งย่างที่นิยมจัดเลี้ยงเช่น หมูกระทะ กุ้งกระทะ ขอให้ปิ้งให้สุกก่อน ส่วนผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวหากจะแวะรับประทานอาหารให้เลือกร้านที่มีป้ายอาหารสะอาด รสชาติอร่อย
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมนูที่มักจะเป็นต้นเหตุของโรคอุจจาระร่วงที่พบได้บ่อย 10 เมนู ได้แก่ 1. ลาบ ก้อยดิบ เช่น ลาบหมู ก้อยปลาดิบ 2. ยำกุ้งเต้น 3. ยำหอยแครง 4. ข้าวผัดโรยเนื้อปู โดยเฉพาะกรณีที่ทำในปริมาณมาก เช่นอาหารกล่องแจกนักท่องเที่ยว 5. อาหารหรือขนมที่ราดด้วยกะทิสด 6. ขนมจีน 7. ข้าวมันไก่ 8. ส้มตำ 9. สลัดผัก และ 10. น้ำแข็ง อาหารที่ปรุงเลี้ยงจำนวนมากจะต้องปรุงล่วงหน้าไม่เกิน 4 ชั่วโมง อาหารประเภทอาหารถุง อาหารกล่อง หรืออาหารห่อพร้อมบริโภค ควรแยกกับข้าวออกจากข้าว และรับประทานภายใน 2-4 ชั่วโมงหลังจากปรุงเสร็จ สำหรับส้มตำซึ่งเป็นอาหารยอดนิยม ให้ระวังเป็นพิเศษ เพราะวัตถุดิบหลายอย่างที่นำมาปรุงอาจปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมีตกค้าง อาทิ ปลาร้า ปูดองดิบหรือต้มไม่สุกปูทะเล มะละกอดิบ ผักดิบ พริกขี้หนูที่ล้างไม่สะอาดหรือไม่ได้ล้าง รวมทั้งตัวแม่ค้าที่ไม่ใส่ใจความสะอาดและขาดสุขนิสัยที่ดี อาจทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้
ทั้งนี้ ข้อมูลสำนักระบาด ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2555-16 ธันวาคม 2555 พบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ 112,083 ราย เสียชีวิต 1 ราย โรคอุจจาระร่วง 1,172,705 ราย เสียชีวิต 39 ราย หากประชาชนป่วยเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร จะมีอาการได้แก่ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว อาจมีไข้ได้ การดูแลเบื้องต้นอาจดื่มผงละลายน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในร้ายขายยาทั่วไป หรืออาจปรุงดื่มเองโดยใช้น้ำต้มสุก 1 ขวดน้ำปลาใหญ่ หรือประมาณ 750 ซีซี ผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือแกงครึ่งช้อนชา ผสมให้เข้ากัน ทิ้งให้เย็น และดื่มแทนน้ำ หากอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้ไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนมักนิยมซื้ออาหารมาปรุงเอง หรือสั่งซื้อจากร้านอาหารมาเฉลิมฉลอง หรือออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เพื่อให้มีความสุขกันอย่างถ้วนทั่วและป้องกันโรคที่เกิดจากอาหารและน้ำไม่สะอาด โดยเฉพาะ 3 โรคที่มีโอกาสพบได้บ่อย ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โรคอาหารเป็นพิษ และอหิวาตกโรค สธ.ขอแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ กลุ่มผู้ประกอบการปรุงอาหาร หรือพ่อครัว แม่ครัว ต้องปรุงให้สุกทั่วถึง ร้อน และสะอาด อาหารที่เหลือเก็บต้องอุ่นให้ร้อนก่อนเสิร์ฟทุกครั้ง ผักผลไม้ ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะ เช่น มีด เขียง ระหว่างวัตถุดิบและอาหารปรุงสุกร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อโรค ดูแลครัวให้สะอาด ส่วนผู้บริโภคขอให้ยึดหลักกินร้อน ช้อนกลางและล้างมือบ่อยก่อนรับประทานอาหารและหลังใช้ส้วม หลีกเลี่ยงอาหารประเภทดิบๆ สุกๆ เช่น ลาบ ก้อย โดยเฉพาะอาหารประเภทปิ้งย่างที่นิยมจัดเลี้ยงเช่น หมูกระทะ กุ้งกระทะ ขอให้ปิ้งให้สุกก่อน ส่วนผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวหากจะแวะรับประทานอาหารให้เลือกร้านที่มีป้ายอาหารสะอาด รสชาติอร่อย
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมนูที่มักจะเป็นต้นเหตุของโรคอุจจาระร่วงที่พบได้บ่อย 10 เมนู ได้แก่ 1. ลาบ ก้อยดิบ เช่น ลาบหมู ก้อยปลาดิบ 2. ยำกุ้งเต้น 3. ยำหอยแครง 4. ข้าวผัดโรยเนื้อปู โดยเฉพาะกรณีที่ทำในปริมาณมาก เช่นอาหารกล่องแจกนักท่องเที่ยว 5. อาหารหรือขนมที่ราดด้วยกะทิสด 6. ขนมจีน 7. ข้าวมันไก่ 8. ส้มตำ 9. สลัดผัก และ 10. น้ำแข็ง อาหารที่ปรุงเลี้ยงจำนวนมากจะต้องปรุงล่วงหน้าไม่เกิน 4 ชั่วโมง อาหารประเภทอาหารถุง อาหารกล่อง หรืออาหารห่อพร้อมบริโภค ควรแยกกับข้าวออกจากข้าว และรับประทานภายใน 2-4 ชั่วโมงหลังจากปรุงเสร็จ สำหรับส้มตำซึ่งเป็นอาหารยอดนิยม ให้ระวังเป็นพิเศษ เพราะวัตถุดิบหลายอย่างที่นำมาปรุงอาจปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมีตกค้าง อาทิ ปลาร้า ปูดองดิบหรือต้มไม่สุกปูทะเล มะละกอดิบ ผักดิบ พริกขี้หนูที่ล้างไม่สะอาดหรือไม่ได้ล้าง รวมทั้งตัวแม่ค้าที่ไม่ใส่ใจความสะอาดและขาดสุขนิสัยที่ดี อาจทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้
ทั้งนี้ ข้อมูลสำนักระบาด ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2555-16 ธันวาคม 2555 พบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ 112,083 ราย เสียชีวิต 1 ราย โรคอุจจาระร่วง 1,172,705 ราย เสียชีวิต 39 ราย หากประชาชนป่วยเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร จะมีอาการได้แก่ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว อาจมีไข้ได้ การดูแลเบื้องต้นอาจดื่มผงละลายน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอส ซึ่งหาซื้อได้ง่ายในร้ายขายยาทั่วไป หรืออาจปรุงดื่มเองโดยใช้น้ำต้มสุก 1 ขวดน้ำปลาใหญ่ หรือประมาณ 750 ซีซี ผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือแกงครึ่งช้อนชา ผสมให้เข้ากัน ทิ้งให้เย็น และดื่มแทนน้ำ หากอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้ไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน