“สหวัฒน์” แจงต้องรอคำตอบจากศาลฎีกา แนะหยุดรื้อถอนก่อน หวั่นจะกระทำผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ชี้ กรณีดังกล่าวไม่ต้องมีคนกลางช่วยไกล่เกลี่ย ลั่นเป็นหน้าที่กรมศิลปากรโดยตรงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงการทุบตึกโบราณสถานศาลฎีกา ว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ลงนามส่งหนังสือนำเรียนไปยังประธานศาลฎีกา และเลขาธิการศาลยุติธรรม เกี่ยวกับการชะลอการรื้อถอนอาคารเก่าทั้ง 2 หลังแล้ว น่าจะอยู่ในกระบวนการทางสารบรรณ คาดว่า น่าจะถึงช่วงสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งกรมศิลปากรอยู่ระหว่างการรอคำตอบจากทางศาลฎีกา จะมีความเห็นเป็นเช่นไร เพื่อที่จะดำเนินการให้เกิดความเหมาะสมต่อไป
นายสหวัฒน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อเกิดการคัดค้านขึ้นมาจากทางประชาชนและกรมศิลปากร ทางศาลฎีกาควรจะมีการชะลอการรื้อถอนหรือกระทำใดๆ ไปก่อน เพราะจะเป็นการทำผิดกฎหมาย เนื่องจากเมื่อปี 2552 ทางกรมศิลปากรได้ทำหนังสือแจ้งไปยังศาลฎีกาแล้วว่าทั้ง 2 อาคารถือเป็นโบราณสถานโดยตัวเอง ซึ่งโบราณสถานด้วยคุณค่าเป็นอาคารที่ควรอนุรักษ์และเป็นโบราณสถานชัดเจน เทียบเท่าโบราณสถานที่กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียน ต้องได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 (แก้ไขเพิ่มเติม 2535) เพราะฉะนั้นการรื้อ การทำลาย ตกแต่งต่อเติมต้องขออนุญาตกรมศิลปากร
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมศิลปากรได้รับการแจ้งข้อมูล และร้องเรียนมาจาก 3 ฝ่าย คือ 1.จากภาคประชาชนในโลกโซเชียลมีเดีย 2.สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ทำหนังสือแจ้งมายังกรมศิลปากรว่ามีการรื้อถอนอาคารศาลฎีกา ใกล้กับพื้นที่สนามหลวง พร้อมกับรูปถ่ายการรื้อถอนทั้งที่เป็นอาคารโบราณสถาน และ 3.สมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน โดย นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องคัดค้านการรื้อทุบตึกศาลฎีกา ซึ่งทุกฝ่ายต่างเรียกร้องให้กรมศิลาปากรเร่งดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่มีหน่วยงานใด หรือ บุคคลใดขอเข้ามาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย หรือแจ้งความดำเนินคดี เพราะที่ผ่านมา หากมีกรณีการละเมิด พ.ร.บ.โบราณสถานฯ จะเป็นหน้าที่ของกรมศิลปากรต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์เองเท่านั้น กรณีศาลฎีกาหากที่สุดแล้วยังมีการฝ่าฝืน กรมศิลปากรในฐานะหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จะทำหน้าที่เข้ายื่นแจ้งความกฎหมาย มิเช่นนั้นทางกรมศิลปากรจะทำผิดกฎหมายที่ละเลยหน้าที่ แต่ขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการแจ้งความคดีใดๆ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว อยู่ระหว่างรอคำตอบจากศาลฎีกาเท่านั้น