สธ.คลอดเกณฑ์บรรจุลูกจ้างชั่วคราวเป็นข้าราชการ อายุงานก่อน 49-51 ในพื้นที่ห่างไกล-รพช.เปิดใหม่-รพ.ภาระงานมาก-รพ.สต.บรรจุรุ่นแรกปี 56 ครอบคลุม 23 สายงาน
จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2555 เห็นชอบอัตราบรรจุเป็นข้าราชการให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จำนวน 22,641 อัตรา โดยแบ่งการบรรจุเป็นเวลา 3 ปีตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556-2558 ปีละราว 7,547 อัตรา โดยให้ สธ.ดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์การบรรจุดังกล่าว ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 21 ธันวาคม นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะทำงานจัดทำกรอบอัตรากำลังเพื่อบรรจุแต่งตั้งลูกจ้างชั่วคราวสายวิชาชีพของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ประจำปีงบประมาณ 2556 ว่า คณะทำงานซึ่งประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายบริการและตัวแทนทุกสายงานตกลงร่วมกัน ว่า สายงานวิชาชีพที่จะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการมีทั้งสิ้น 25 สายงาน ซึ่งครอบคลุมสายงานวิชาชีพทั้งหมดใน สธ.โดยผู้ที่จะได้รับการพิจารณาให้ได้รับการบรรจุล็อตแรกในปี 2556 คือ ลูกจ้างชั่วคราวที่มีอายุงานก่อนปี 2549-2551 และสถานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ห่างไหล, โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) เปิดใหม่ จำนวน 57 แห่ง, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.), โรงพยาบาลศูนย์(รพศ.)/โรงพยาบาลทั่วไป (รพท.) ที่มีภาระงานมาก ทั้งนี้ สถานพยาบาลดังกล่าวจะได้รับการจัดสรรอัตราบรรจุในสัดส่วนที่เหมาะสม
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า พรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) ตนจะเชิญฝ่ายการเจ้าหน้าที่ทุกจังหวัดมาเข้ารับฟังแนวทางการดำเนินการในการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวเป็นข้าราชการเมื่อได้รับการจัดสรรอัตตราบรรจุ จากนั้นจะมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการที่เป็นหัวหน้าเขตบริการทั้ง 12 เขต จัดทำตัวเลขความจำเป็นในการได้รับการบรรจุของแต่ละเขตพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะดำเนินการบรรจุ และในสัปดาห์หน้า จะหารือร่วมกับสำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับร่างระเบียบพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (ก.สธ.) คาดว่า น่าจะเริ่มปรับลูกจ้างชั่วคราวที่รอการบรรจุเป็นข้าราชการเป็นพนักงาน ก.สธ.ได้ภายในเดือนมกราคม 2556 พร้อมกับการบรรจุข้าราชการล็อตแรก
อย่างไรก็ตาม อัตราที่บรรจุแต่ละปีจะต้องเต็ม 7,547 อัตรา โดยส่วนหนึ่งจะต้องจัดสรรให้กับอาจารย์วิทยาลัยการพยาบาลและวิทยาลัยการสาธารณสุขของ สธ.ด้วย จากนี้ไม่ต้องออกมาประท้วง เพราะกระทรวงดูและให้ได้รับการจัดสรรอัตราบรรจุเป็นข้าราชการครอบคลุมทุกสายงานแล้ว ส่วนพนักงานราชการที่มีอยู่ราว 6,000 คน ที่อาจจะคิดว่าตัวเองเสียสิทธิ์ตรงนี้ ความจริงไม่ใช่ เพราะแท้จริงบุคลากรกลุ่มนี้ได้รับสิทธิ์ไปแล้วคือการเป็นพนักงานราชการ หากต้องการจะใช้สิทธิ์ในส่วนนี้ต้องลาออกแล้วเริ่มกระบวนนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ต้น แต่หากเห็นว่าพนักงานราชการต้องการได้รับสิทธิ์เรื่องใดเพิ่มเติมให้เสนอมายัง สธ.เพื่อที่จะพิจารณาและดำเนินการให้ต่อไป
แหล่งข่าวในคณะทำงานฯ กล่าวว่า เบื้องต้นสัดส่วนการจัดสรรอัตราบรรจุเป็นข้าราชการในปี 2556 แยกตามสายวิชาชีพ จำนวนรวม 7,332 คน ใน 23 สายงาน จากทั้งหมด 25 สายงาน ได้แก่ 1.พยาบาลวิชาชีพ จำนวน 3,248 อัตรา 2.พยาบาลเทคนิค 2 อัตรา 3.เภสัชกร 22 ราย 4.นักเทคนิคการแพทย์ 246 อัตรา 5.นักกายภาพบำบัด 154 อัตรา 6.นักรังสีการแพทย์ 22 อัตรา 7.นักกิจกรรมบำบัด 15 อัตรา 8.นักจิตวิทยาคลินิก 21 อัตรา 9.นักจิตวิทยา 7 อัตรา 10.นักเวชศาสตร์สื่อความหมาย 1 อัตรา 11.นักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก 1 อัตรา 12.แพทย์แผนไทย 37 อัตรา
13.นักวิชาการสาธารณสุข 557 อัตรา 14.นักโภชนาการ 130 อัตรา 15.นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ 31 อัตรา 16.นักสังคมสงเคราะห์ 33 อัตรา 17.เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข 408 อัตรา 18.เจ้าพนักงานเภสัชกรรม 513 อัตรา 19.เจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ 93 อัตรา 20.เจ้าพนักงานสาธารณสุข 1,600 อัตรา 21.เจ้าพนักงานเวชสถิติ 89 อัตรา 22.เจ้าพนักงานโสตทัศนศึกษา 72 อัตรา และ23.เจ้าพนักงานรังสีการแพทย์ 30 อัตรา ส่วนอีก 2 สายงาน คือ นักกายอุปกรณ์และนักวิชาการศึกษาพิเศษ ที่มีผู้มีอายุงานก่อนปี 2549-2551 รวม 2 สายงาน ราว 13 คนไม่ได้รับการจัดสรรอัตราบรรจุ
นายวินัย สุภาพจน์ เจ้าพนักงานเวชสถิติ โรงพยาบาลเสนา กล่าวว่า จากการหารือในถือว่าผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจเนื่องจากจากเดิมที่ทางสธ.จะทำ การบรรจุใน 21สายงาย ก็มีการปรับเพิ่มเป็น 25 สายงานซึ่งครอบคลุมทุกสายงาย โดยในการการพิจารณาบรรจุในปีแรกจะเริ่มบรรจุที่ 7,547 อัตรา โดยจะใช้วิธีการพิจารณาบรรจุตามอายุงานที่เริ่มทำงานตั้งแต่ปี 2549-2551 ตามลำดับ และการบรรจุก็ต้องพิจารณาตามเงื่อนไขที่กำหนด อาทิ รพ.ส่งเสริมตำบล รพ.ทั่วไปเขตทุรกันดาร รพ.ชุมชนเปิดใหม่และรพ.ที่ขาดสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม ต่อไป สธ.จะไม่มีลูกจ้างชั่วคราวอีกแต่จะปรับเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขแทน (พ. ก.สธ.) โดยจะใช้เงินบำรุงของโรงพยาบาลในการจ้าง ส่วนกลุ่มที่ยังไม่เข้าข่ายทาง สธ.ก็ได้มีเงื่อนไขว่าให้รวมตัวกันแล้วมาเสนอ สิ่งที่ต้องให้กับ สธ.เพื่อใช้ในการพิจารณาต่อไป