“ปลอด” ล้อฟรี ยังไม่กำหนดประชุมพิจารณา กม.ห้ามขายเหล้าริมทาง “หมอประดิษฐ” ยันเห็นชอบหลักการ แม้บังคับใช้ยาก และเป็นกฎหมายซ้ำซ้อน เผย อาจต้องแก้ข้อความในร่างประกาศฯให้ชัดเจน ง่ายต่อการปฏิบัติจริง โยนตำรวจควรเลือกบังคับใช้ตามกฎหมายฉบับหลัก
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ยังไม่มีกำหนดการประชุมเพื่อพิจารณาร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง พ.ศ.... แต่อย่างใด ส่วนที่ นายปลอดประสพ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าร่างประกาศดังกล่าวอาจเป็นกฎหมายซ้ำซ้อน และมีผลบังคับใช้ยากนั้น ในระดับของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังคงยืนยันในหลักการเดิม เพราะการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ แต่อาจต้องมีการปรับข้อความรายละเอียดให้มีความชัดเจนขึ้นในแง่ของการนำไปปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เกิดความกำกวมหรือบังคับใช้ยาก จนก่อให้เกิดการต่อต้านร่างประกาศดังกล่าว เช่น ห้ามขายเหล้าห่างจากของถนนในระยะ 2-3 เมตร เป็นต้น
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่เป็นกฎหมายทับซ้อน คือ ขัดกับ พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่ห้ามขายของทุกประเภทบริเวณริมทาง แต่ร่างประกาศดังกล่าวบังคับเพียงการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น ก็เหมือนเป็นการอนุมัติกลายๆ ว่า สามารถขายของชนิดอื่นบริเวณริมทางได้ ทำให้เกิดการทับซ้อนขึ้น ตรงนี้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ต้องยึดตามกฎหมายฉบับหลักไว้ก่อนว่าจะมีการไปไล่จับกุมผู้ที่ตั้งขายของริมทางหรือไม่ หรือจะมีการตั้งจุดผ่อนผันสำหรับขายของริมทาง อย่างไรก็ตาม หากมีการบังคับใช้ร่างประกาศฯจะมีการให้ระยะเวลาผู้ที่เกี่ยวข้องได้ปรับตัว คือ ให้มีโอกาสไปหาสถานที่อื่นเมื่อต้องออกจากการขายริมถนน
นายธีรภัทร คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมที่เข้าใจว่าร่างประกาศดังกล่าวกำลังซ้ำซ้อนกับกฎหมายฉบับอื่นๆ เช่น พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ. 2522 กฎหมายเหล่านี้ควบคุมกว้างๆ แต่ไม่ได้เฉพาะสินค้าอบายมุขอย่างเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มมึนเมาเหมือนร่างประกาศควบคุมการขายบนทาง ดังนั้น ทางเครือข่ายฯ ซึ่งประกอบด้วยนิสิต นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งเยาวชนคนรุ่นใหม่จากทุกภาคส่วนจึงขอสนับสนุนร่างประกาศดังกล่าวให้มีการบังคับใช้จริง และขอวิงวอนคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ช่วยพิจารณาและเห็นชอบร่างประกาศฉบับนี้ เพื่อขอให้เป็นของขวัญของเด็กและเยาวชน รวมไปถึงพ่อแม่ เพราะหากควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็จะช่วยลดการดื่ม ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และยังลดโอกาสการสูญเสียจากอุบัติเหตุดื่มแล้วขับอีกด้วย
“หากร่างประกาศฉบับนี้ได้ใช้จริง จะช่วยควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษาไปในตัว เนื่องจากทุกวันนี้พบว่า พอตกค่ำร้านเหล้าเหล่านี้จะขายเหล้าโดยการเปิดโต๊ะออกมานอกร้าน ตั้งอยู่ริมทาง ริมฟุตปาธจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้ชัดเจนว่าผิดทั้งขายไม่ถูกทางและขายเหล้า หากมีกฎหมายดังกล่าวจะช่วยลดการเข้าถึงการดื่ม และลดนักดื่มหน้าใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีถึงปีละ 260,000 รายต่อปี และนับวันจะพบนักดื่มหน้าใหม่อายุน้อยลงเรื่อยๆ เพียง 7 ขวบ“ นายธีรภัทร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกัน แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะเดินทางไปขอเข้าพบคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อขอความเห็นใจและขอชี้แจงถึงผลดีของร่างประกาศฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม อยากชี้แจงให้สังคมโดยเฉพาะนักวิชาการบางรายที่ออกมาระบุว่า ร่างประกาศดังกล่าวจะแบ่งแยกไม่ให้คนจนดื่มเหล้าแต่คนรวยดื่มได้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การเปิดช่องให้การดื่มเหล้าง่ายขึ้นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีต่อคนดื่ม แต่ส่งผลดีต่อนายทุน ยิ่งในช่วงปีใหม่จะพบการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก ลานเบียร์บางแห่งเลยออกมาถึงทางเท้า ซึ่งไม่เหมาะสม ดังนั้น ร่างประกาศฉบับนี้หากรัฐบาลให้ความสำคัญจะนับเป็นของขวัญปีใหม่ที่หลายคนจะรู้สึกดี และไม่มีวันลืม
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ ยังไม่มีกำหนดการประชุมเพื่อพิจารณาร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง พ.ศ.... แต่อย่างใด ส่วนที่ นายปลอดประสพ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าร่างประกาศดังกล่าวอาจเป็นกฎหมายซ้ำซ้อน และมีผลบังคับใช้ยากนั้น ในระดับของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังคงยืนยันในหลักการเดิม เพราะการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ แต่อาจต้องมีการปรับข้อความรายละเอียดให้มีความชัดเจนขึ้นในแง่ของการนำไปปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เกิดความกำกวมหรือบังคับใช้ยาก จนก่อให้เกิดการต่อต้านร่างประกาศดังกล่าว เช่น ห้ามขายเหล้าห่างจากของถนนในระยะ 2-3 เมตร เป็นต้น
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่เป็นกฎหมายทับซ้อน คือ ขัดกับ พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่ห้ามขายของทุกประเภทบริเวณริมทาง แต่ร่างประกาศดังกล่าวบังคับเพียงการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น ก็เหมือนเป็นการอนุมัติกลายๆ ว่า สามารถขายของชนิดอื่นบริเวณริมทางได้ ทำให้เกิดการทับซ้อนขึ้น ตรงนี้อยู่ที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ต้องยึดตามกฎหมายฉบับหลักไว้ก่อนว่าจะมีการไปไล่จับกุมผู้ที่ตั้งขายของริมทางหรือไม่ หรือจะมีการตั้งจุดผ่อนผันสำหรับขายของริมทาง อย่างไรก็ตาม หากมีการบังคับใช้ร่างประกาศฯจะมีการให้ระยะเวลาผู้ที่เกี่ยวข้องได้ปรับตัว คือ ให้มีโอกาสไปหาสถานที่อื่นเมื่อต้องออกจากการขายริมถนน
นายธีรภัทร คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมที่เข้าใจว่าร่างประกาศดังกล่าวกำลังซ้ำซ้อนกับกฎหมายฉบับอื่นๆ เช่น พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ. 2522 กฎหมายเหล่านี้ควบคุมกว้างๆ แต่ไม่ได้เฉพาะสินค้าอบายมุขอย่างเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มมึนเมาเหมือนร่างประกาศควบคุมการขายบนทาง ดังนั้น ทางเครือข่ายฯ ซึ่งประกอบด้วยนิสิต นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งเยาวชนคนรุ่นใหม่จากทุกภาคส่วนจึงขอสนับสนุนร่างประกาศดังกล่าวให้มีการบังคับใช้จริง และขอวิงวอนคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ช่วยพิจารณาและเห็นชอบร่างประกาศฉบับนี้ เพื่อขอให้เป็นของขวัญของเด็กและเยาวชน รวมไปถึงพ่อแม่ เพราะหากควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็จะช่วยลดการดื่ม ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และยังลดโอกาสการสูญเสียจากอุบัติเหตุดื่มแล้วขับอีกด้วย
“หากร่างประกาศฉบับนี้ได้ใช้จริง จะช่วยควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษาไปในตัว เนื่องจากทุกวันนี้พบว่า พอตกค่ำร้านเหล้าเหล่านี้จะขายเหล้าโดยการเปิดโต๊ะออกมานอกร้าน ตั้งอยู่ริมทาง ริมฟุตปาธจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้ชัดเจนว่าผิดทั้งขายไม่ถูกทางและขายเหล้า หากมีกฎหมายดังกล่าวจะช่วยลดการเข้าถึงการดื่ม และลดนักดื่มหน้าใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีถึงปีละ 260,000 รายต่อปี และนับวันจะพบนักดื่มหน้าใหม่อายุน้อยลงเรื่อยๆ เพียง 7 ขวบ“ นายธีรภัทร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกัน แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะเดินทางไปขอเข้าพบคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อขอความเห็นใจและขอชี้แจงถึงผลดีของร่างประกาศฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม อยากชี้แจงให้สังคมโดยเฉพาะนักวิชาการบางรายที่ออกมาระบุว่า ร่างประกาศดังกล่าวจะแบ่งแยกไม่ให้คนจนดื่มเหล้าแต่คนรวยดื่มได้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การเปิดช่องให้การดื่มเหล้าง่ายขึ้นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีต่อคนดื่ม แต่ส่งผลดีต่อนายทุน ยิ่งในช่วงปีใหม่จะพบการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก ลานเบียร์บางแห่งเลยออกมาถึงทางเท้า ซึ่งไม่เหมาะสม ดังนั้น ร่างประกาศฉบับนี้หากรัฐบาลให้ความสำคัญจะนับเป็นของขวัญปีใหม่ที่หลายคนจะรู้สึกดี และไม่มีวันลืม
