เครือข่ายผู้ปกครอง ร.ร.สวนกุหลาบ ปทุมธานี ร้อง ศธ.ไล่ ผอ.ร.ร.ชี้ บริหารงานเผด็จการสร้างความเดือดร้อน ด้าน ผอ.สพม.เขต 4 รับเคยได้รับร้องเรียนมาก่อนหน้า ยันเรื่องไม่หายเงียบแน่นอน สั่งตั้ง กก.สืบข้อเท็จจริงแล้ว
วันนี้ (21 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กลุ่มเครือข่ายผู้ปกครองและกรรมการสมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนนวมินทราชินูทิศกสวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี กว่า 30 คน นำโดย นายมานะชัย พัสดุ ประธานเครือข่ายผู้ปกครองฯ ได้เดินทางยื่นหนังสือถึง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เรื่องขอให้ย้าย นายสาทร สมบุญ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศกสวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี ออกจากตำแหน่ง โดย นายประแสง มงคลศิริ เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ รับเรื่องแทน
นายมานะชัย กล่าวว่า เนื่องจากทางเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนฯ ได้รับการร้องเรียนและได้ข้อมูลจากผู้ปกครอง นักเรียน และครู ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของ นายสาทร ซึ่งมีพฤติกรรมการบริหารงานแบบไร้ภาวะผู้นำ ขาดวิสัยทัศน์ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ภายในโรงเรียนซึ่งส่งผลกระทบกับนักเรียนโดยตรง เช่น การบริหารงานโดยใช้อำนาจแบบเผด็จการขาดคุณธรรมและจริยธรรม ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีการนัดหมายนักเรียนเข้าใหม่ชั้น ม.1 ม.4 ให้เข้าค่ายพักค้างแรมที่โรงเรียน 1 คืน โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 500 บาท แต่ถึงวันกำหนดกลับยกเลิกโดยไม่มีการชี้แจงใดๆ และการเก็บเงินค่าบำรุงการศึกษาประภาคเรียนที่ 2/2555 ค่าจ้างครูเชี่ยวชาญสาขาเฉพาะภาคเรียน ขออนุญาตไว้คนละ 250 บาท แต่เรียกเก็บจริง 150 บาท ค่าจ้างบุคลากรปฏิบัติงานในสถานศึกษาภาคเรียน ขออนุญาตไว้คนละ 400 บาท แต่เรียกเก็บ 500 บาท ซึ่งไม่ตรงกับเรื่องที่ขออนุญาตไว้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการบอกเล่าจากนักเรียนอีกว่า ที่ผ่านมาร้านค้าสวัสดิการต่างๆโรงเรียนจะเป็นผู้ดำเนินการ แต่ทุกวันนี้โรงเรียนได้เปิดให้คนภายนอกมาเปิดร้านค้าสวัสดิการภายในโรงเรียนได้จนมีการลักลอบขายบุหรี่ให้กับนักเรียน
ด้าน นายประแสง กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวพิจารณาช่วยเหลือและให้ความยุติธรรมกับทุกคน เพราะ ศธ.มีขั้นตอนวิธีการทำงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน โดยจะต้องให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงด้วย
ขณะที่ นายพิทยา ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 4 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ปกครองได้เคยมาร้องเรียนที่ สพม.เขต 4 แล้ว แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เงียบหายอย่างแน่นอน เพราะได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว และอยู่ระหว่างรอผลการสืบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ หากพบว่ามีมูลก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
วันนี้ (21 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กลุ่มเครือข่ายผู้ปกครองและกรรมการสมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนนวมินทราชินูทิศกสวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี กว่า 30 คน นำโดย นายมานะชัย พัสดุ ประธานเครือข่ายผู้ปกครองฯ ได้เดินทางยื่นหนังสือถึง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เรื่องขอให้ย้าย นายสาทร สมบุญ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศกสวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี ออกจากตำแหน่ง โดย นายประแสง มงคลศิริ เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ รับเรื่องแทน
นายมานะชัย กล่าวว่า เนื่องจากทางเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนฯ ได้รับการร้องเรียนและได้ข้อมูลจากผู้ปกครอง นักเรียน และครู ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของ นายสาทร ซึ่งมีพฤติกรรมการบริหารงานแบบไร้ภาวะผู้นำ ขาดวิสัยทัศน์ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ภายในโรงเรียนซึ่งส่งผลกระทบกับนักเรียนโดยตรง เช่น การบริหารงานโดยใช้อำนาจแบบเผด็จการขาดคุณธรรมและจริยธรรม ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีการนัดหมายนักเรียนเข้าใหม่ชั้น ม.1 ม.4 ให้เข้าค่ายพักค้างแรมที่โรงเรียน 1 คืน โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 500 บาท แต่ถึงวันกำหนดกลับยกเลิกโดยไม่มีการชี้แจงใดๆ และการเก็บเงินค่าบำรุงการศึกษาประภาคเรียนที่ 2/2555 ค่าจ้างครูเชี่ยวชาญสาขาเฉพาะภาคเรียน ขออนุญาตไว้คนละ 250 บาท แต่เรียกเก็บจริง 150 บาท ค่าจ้างบุคลากรปฏิบัติงานในสถานศึกษาภาคเรียน ขออนุญาตไว้คนละ 400 บาท แต่เรียกเก็บ 500 บาท ซึ่งไม่ตรงกับเรื่องที่ขออนุญาตไว้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการบอกเล่าจากนักเรียนอีกว่า ที่ผ่านมาร้านค้าสวัสดิการต่างๆโรงเรียนจะเป็นผู้ดำเนินการ แต่ทุกวันนี้โรงเรียนได้เปิดให้คนภายนอกมาเปิดร้านค้าสวัสดิการภายในโรงเรียนได้จนมีการลักลอบขายบุหรี่ให้กับนักเรียน
ด้าน นายประแสง กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวพิจารณาช่วยเหลือและให้ความยุติธรรมกับทุกคน เพราะ ศธ.มีขั้นตอนวิธีการทำงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน โดยจะต้องให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงด้วย
ขณะที่ นายพิทยา ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 4 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ปกครองได้เคยมาร้องเรียนที่ สพม.เขต 4 แล้ว แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เงียบหายอย่างแน่นอน เพราะได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว และอยู่ระหว่างรอผลการสืบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ หากพบว่ามีมูลก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
