ผุดไอเดีย! พ่อแม่มีลูกสาววัยมัธยม ให้ถุงยางอนามัยใส่มือวันละ 2 ชิ้น ป้องกันโรค-ท้องไม่พร้อม หลังสำรวจข้อมูลพบเด็ก ม.2 เคย มีเซ็กซ์ถึง 20% ม.5 ราว 40% อาชีวะ 50-60% อธ.คร.ฝากถึงคนไม่เห็นด้วย อย่าหลอกตัวเองต้องยอมรับความจริง
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ที่ติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ 42% เป็นวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี โดยเกิดจากการไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย และในจำนวนนี้ 80% เกิดการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมที่เหลือ 58% มีอายุมากกว่า 20 ปี นอกจากนี้ การสำรวจพบว่า เด็ก ม.2 ราว 20% เคยมีเพศสัมพันธ์ ม.5 ประมาณ 40% และอาชีวะราว 50-60% จึงต้องการรณรงค์ให้เด็กเยาวชนเหล่านี้ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ กรมจะรณรงค์ให้วัยรุ่นมีการใช้ถุงยางอนามัยมากขึ้น โดยจะย้ำว่า ไม่เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่ต้องพกถุงยางอนามัย ผู้หญิงก็ควรพกด้วย
อย่างไรก็ตาม อยากแนะนำให้พ่อแม่ที่มีลูกสาวอยู่ในวัยมัธยมศึกษาขึ้นไป นำถุงยางอนามัยใส่มือลูกทุกวันๆ ละ 2 ชิ้น ซึ่งอาจจะไม่ได้ให้โดยตรงกับมือลูก แต่อาจจะนำกล่องถุงยางอนามัยไปวางไว้ในห้องลูก และควรเติมให้ลูกหากเห็นว่าจำนวนลดลง โดยอาจจะซื้อเองหรือขอรับที่หน่วยบริการของรัฐ ซึ่งแต่ละปีกรมจะจัดซื้อเพื่อแจกประมาณ 60 ล้านชิ้น เชื่อเพียงพอในการสนับสนุน
“กรมจะดำเนินการรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจัง ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับกรม อยากบอกว่า ขอให้ยอมรับความจริง อย่าหลอกตัวเอง เพราะผลสำรวจต่างๆปรากฏชัดเจน อยากให้ช่วยกันรณรงค์ให้เด็กวัยรุ่นรู้จักป้องกันตัวไม่ให้เสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ทั้งเอดส์ หนองใน ซิฟิลิส หรือการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม” นพ.พรเทพ กล่าว