หมอประดิษฐ เผย 5 ยุทธศาสตร์พัฒนาวงการพยาบาล หวังยกระดับคุณภาพก้าวขึ้นเป็นผู้นำในประชาคมอาเซียน ปัญหาลูกจ้างชั่วคราวกำลังเร่งดำเนินการแก้ไข
วันนี้ (13 พ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมเปิดอบรม “การถ่ายทอดยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลระดับประเทศ พ.ศ.2556-25560” ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลที่จะนำมาใช้ ว่า ยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลรองรับประชาคมอาเซียนนั้น จะเตรียมความพร้อมด้านสมรรถนะและขีดความสามารถของบุคลากรพยาบาลทุกระดับ ตลอดจนพัฒนาระบบบริหารจัดการ รวมถึงกำลังคนเพื่อยกระดับคุณภาพงานบริการพยาบาล
นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ปัจจุบันพยาบาลถือเป็นกำลังหลักในการดูแลสุขภาพประชาชน และขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพต่างๆ มีพยาบาลที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานสังกัด สำนักงานปลัด สธ. จำนวน 92,989 คน ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของไทย โดยสาธารณสุขได้จัดทำยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลขึ้น 2 ระดับ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ 3 ปี เพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน พ.ศ.2556-2558 และระดับประเทศ 5 ปี พ.ศ.2556-2560 โดยจะใช้ 5 ยุทธศาสตร์ คือ 1.ปรับบทบาทและกระบวนทัศน์ในงานบริการพยาบาลภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม 2.การพัฒนาศักยภาพบุคลากรพยาบาลให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 3.การพัฒนาระบบบริหารจัดการกำลังคนทางการพยาบาล 4.การพัฒนาระบบบริการพยาบาลในสถานการณ์ฉุกเฉิน ภัยพิบัติ และโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ และ 5.การยกระดับคุณภาพงานบริการพยาบาลสู่ความเป็นผู้นำในประชาคมอาเซียน
“การส่งเสริม สนับสนุนระบบการบริการพยาบาลของประเทศ ให้เป็นศูนย์กลางด้านคุณภาพบริการพยาบาล(Medical Hub)ในระดับอาเซียน พัฒนาระบบและกลไก การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (Health Care Satellite) ครอบคลุมทุกพื้นที่ พัฒนาระบบและกลไกการประกันคุณภาพระบบบริการพยาบาลในสถานบริการสุขภาพทุกระดับ ให้เป็นที่เชื่อถือและยอมรับของผู้ใช้บริการในภูมิภาคอาเซียน โดยจะต้องสร้างจุดเด่นการบริการสุขภาพของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการเดินทางเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ของประเทศไทย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
หมอประดิษฐ กล่าวต่อไปว่า ด้านปัญหากำลังคนโดยเฉพาะการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวเป็นข้าราชการนั้น อยู่ระหว่างการแก้ปัญหาโดยลูกจ้างชั่วคราว 11,000 คนที่รอการบรรจุนั้น ในปีแรกสามารถบรรจุได้แน่นอน 4,000 คน และอีก 3,000 คน ในช่วง 3 ปี อย่างน้อยจะทำให้ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ 80-90% ให้ได้ โดยกำลังคนที่เหลือ 7,000 ตำแหน่ง จะหาทางแก้ปัญหาให้ดีที่สุด โดยการเพิ่มความมั่นคง สวัสดิการ ค่าตอบแทน ไปก่อนในระหว่างรอแก้ปัญหากำลังคนทั้งระบบ
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลระดับประเทศ พ.ศ.2556-2560 ตั้งเป้าให้บริการพยาบาลมีคุณภาพเป็นเลิศ บุคลากรมีความสุข บนวิถีแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสุขภาวะที่ดีของประชาชน ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.พัฒนาคุณภาพระบบบริการพยาบาลสู่ความเป็นเลิศ เช่น พัฒนาระบบและกลไกการประกันคุณภาพในการจัดระบบบริการพยาบาลที่เป็นเลิศในสถานบริการสุขภาพระดับทุติยภูมิ ตติยภูมิ และศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูง 2.พัฒนาระบบบริการพยาบาลปฐมภูมิให้มีคุณภาพ โดยมีระบบและกลไกการประกันคุณภาพการพยาบาล และจัดบริการพยาบาลเชิงรุกเน้นการป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพ การฟื้นฟูสภาพโดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3.พัฒนาระบบบริการพยาบาลในสถานการณ์ฉุกเฉิน ภัยพิบัติ และโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ เพื่อให้สามารถดูแลผู้เจ็บป่วยได้รับความปลอดภัยในชีวิตสูงสุด 4.พัฒนาความเข้มแข็งของเครือข่ายความร่วมมือทางการพยาบาลทุกภาคส่วนในระดับประเทศ ระดับอาเซียน ทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาบริการพยาบาล และสร้างเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชน และ 5.เสริมสร้างเอกภาพและธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการบุคลากรและองค์กรพยาบาล ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
วันนี้ (13 พ.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมเปิดอบรม “การถ่ายทอดยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลระดับประเทศ พ.ศ.2556-25560” ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลที่จะนำมาใช้ ว่า ยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลรองรับประชาคมอาเซียนนั้น จะเตรียมความพร้อมด้านสมรรถนะและขีดความสามารถของบุคลากรพยาบาลทุกระดับ ตลอดจนพัฒนาระบบบริหารจัดการ รวมถึงกำลังคนเพื่อยกระดับคุณภาพงานบริการพยาบาล
นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ปัจจุบันพยาบาลถือเป็นกำลังหลักในการดูแลสุขภาพประชาชน และขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพต่างๆ มีพยาบาลที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานสังกัด สำนักงานปลัด สธ. จำนวน 92,989 คน ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของไทย โดยสาธารณสุขได้จัดทำยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลขึ้น 2 ระดับ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ 3 ปี เพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน พ.ศ.2556-2558 และระดับประเทศ 5 ปี พ.ศ.2556-2560 โดยจะใช้ 5 ยุทธศาสตร์ คือ 1.ปรับบทบาทและกระบวนทัศน์ในงานบริการพยาบาลภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม 2.การพัฒนาศักยภาพบุคลากรพยาบาลให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 3.การพัฒนาระบบบริหารจัดการกำลังคนทางการพยาบาล 4.การพัฒนาระบบบริการพยาบาลในสถานการณ์ฉุกเฉิน ภัยพิบัติ และโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ และ 5.การยกระดับคุณภาพงานบริการพยาบาลสู่ความเป็นผู้นำในประชาคมอาเซียน
“การส่งเสริม สนับสนุนระบบการบริการพยาบาลของประเทศ ให้เป็นศูนย์กลางด้านคุณภาพบริการพยาบาล(Medical Hub)ในระดับอาเซียน พัฒนาระบบและกลไก การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (Health Care Satellite) ครอบคลุมทุกพื้นที่ พัฒนาระบบและกลไกการประกันคุณภาพระบบบริการพยาบาลในสถานบริการสุขภาพทุกระดับ ให้เป็นที่เชื่อถือและยอมรับของผู้ใช้บริการในภูมิภาคอาเซียน โดยจะต้องสร้างจุดเด่นการบริการสุขภาพของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการเดินทางเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ของประเทศไทย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
หมอประดิษฐ กล่าวต่อไปว่า ด้านปัญหากำลังคนโดยเฉพาะการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวเป็นข้าราชการนั้น อยู่ระหว่างการแก้ปัญหาโดยลูกจ้างชั่วคราว 11,000 คนที่รอการบรรจุนั้น ในปีแรกสามารถบรรจุได้แน่นอน 4,000 คน และอีก 3,000 คน ในช่วง 3 ปี อย่างน้อยจะทำให้ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ 80-90% ให้ได้ โดยกำลังคนที่เหลือ 7,000 ตำแหน่ง จะหาทางแก้ปัญหาให้ดีที่สุด โดยการเพิ่มความมั่นคง สวัสดิการ ค่าตอบแทน ไปก่อนในระหว่างรอแก้ปัญหากำลังคนทั้งระบบ
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การบริการพยาบาลระดับประเทศ พ.ศ.2556-2560 ตั้งเป้าให้บริการพยาบาลมีคุณภาพเป็นเลิศ บุคลากรมีความสุข บนวิถีแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสุขภาวะที่ดีของประชาชน ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.พัฒนาคุณภาพระบบบริการพยาบาลสู่ความเป็นเลิศ เช่น พัฒนาระบบและกลไกการประกันคุณภาพในการจัดระบบบริการพยาบาลที่เป็นเลิศในสถานบริการสุขภาพระดับทุติยภูมิ ตติยภูมิ และศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูง 2.พัฒนาระบบบริการพยาบาลปฐมภูมิให้มีคุณภาพ โดยมีระบบและกลไกการประกันคุณภาพการพยาบาล และจัดบริการพยาบาลเชิงรุกเน้นการป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพ การฟื้นฟูสภาพโดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3.พัฒนาระบบบริการพยาบาลในสถานการณ์ฉุกเฉิน ภัยพิบัติ และโรคอุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ เพื่อให้สามารถดูแลผู้เจ็บป่วยได้รับความปลอดภัยในชีวิตสูงสุด 4.พัฒนาความเข้มแข็งของเครือข่ายความร่วมมือทางการพยาบาลทุกภาคส่วนในระดับประเทศ ระดับอาเซียน ทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาบริการพยาบาล และสร้างเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชน และ 5.เสริมสร้างเอกภาพและธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการบุคลากรและองค์กรพยาบาล ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
