ภาคประชาชน จี้ กระทรวงท่องเที่ยวฯ กำราบทัวร์ รถตู้ รถบัส ห้ามดื่มเหล้าเบียร์บนรถ รวมทั้งบรรดากองเชียร์กีฬา ที่เหมารถไปเชียร์ แต่จัดให้มีการดื่มระหว่างเดินทาง หวั่นเทศกาลท่องเที่ยว ช่วงกีฬาฮอตฮิต เช่น ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ยอดอุบัติเหตุเจ็บ-ตายพุ่ง ความรุนแรงในสนามเพิ่ม วอนเข้มมาตรการห้ามดื่มสร้างความปลอดภัย
วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคประชาชนจาก 4 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นายสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเรียกร้องให้เร่งทำความเข้าใจกับบริษัททัวร์ทั่วประเทศ ตลอดจนกองเชียร์กีฬา ให้ทราบถึงกฎหมายห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถขณะวิ่งบนทาง
นายพิริยะ ทองสอน เลขาธิการมูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชนได้เฝ้าระวังการบังคับใช้กฎหมายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับล่าสุด แต่ปัญหาที่พบ คือ มีการละเมิดกฎหมาย ของบริษัททัวร์ต่างๆ เช่น จัดให้มีการดื่มสุราบนรถ มีการดื่มในสถานที่ห้ามเช่น ในวัด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในฐานะที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯกำกับดูแลบริษัททัวร์ทั่วประเทศ และการจัดแข่งขันกีฬาโดยตรง เครือข่ายจึงขอให้เร่งทำความเข้าใจกับบริษัททัวร์ ที่มีการเดินทางด้วยรถตู้ รถบัส ว่า ห้ามทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ ขอให้ประสานงานเพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่ม องค์กร สมาคม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา กองเชียร์กีฬา ที่มักจะรวมกลุ่มกันเดินทางด้วยรถตู้ รถบัส เพื่อไปเชียร์นักกีฬาทีมโปรด ต้องห้ามดื่มสุราบนรถด้วย และหากกองเชียร์ดื่มระหว่างเดินทาง จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความรุนแรงในสนาม รวมถึงกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามเพราะขาดสติ ขณะเดียวกัน ขอให้กระทรวงกำชับการจัดงานแข่งขันกีฬา หรือจัดงานในเทศกาลท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งมีการจัดในสถานที่ราชการ ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในงานโดยเด็ดขาด
“หลังจากนี้ เครือข่ายภาคประชาชนจะคอยจับตาเฝ้าระวังการทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และหวังว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะไม่นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะอีกไม่นานจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ออกเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อสร้างความปลอดภัยและลดปัจจัยเสี่ยงบนท้องถนน การรณรงค์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ หากไม่มีเร่งปลุกจิตสำนึกและนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างจริงจัง ซึ่งจากบทเรียนสถิติอุบัติเหตุจะมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 13,000 รายต่อปี และ 40-60% มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง กระทรวงจึงควรสนับสนุนงาน หรือเทศกาลท่องเที่ยว รวมถึงการจัดกีฬาที่ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าการปล่อย หรือละเลยจนสร้างปัญหา” นายพิริยะ กล่าว
จากนั้น นายสมบัติ กล่าวภายหลังจากรับเรื่องว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และจะนำเรื่องนี้ไปดำเนินการเพื่อขยายผลตามกฎหมายต่อไป เพื่อให้การสูญเสียจากอุบัติเหตุลดลง นอกจากนี้ จะมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้เกิดความคืบหน้า ส่วนประเด็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสนามกีฬา ทางกระทรวงจะได้มีมาตรการต่างๆ ไว้รองรับเหตุทะเลาะวิวาท รวมถึงการห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในสนามอย่างเด็ดขาด และมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอย่างเข้มงวด ส่วนเรื่องที่ต้องมีการวัดแอลกอฮอล์ก่อนเข้างานอาจต้องนำไปพิจารณาต่อไป
วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคประชาชนจาก 4 องค์กร ได้แก่ มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ นายสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเรียกร้องให้เร่งทำความเข้าใจกับบริษัททัวร์ทั่วประเทศ ตลอดจนกองเชียร์กีฬา ให้ทราบถึงกฎหมายห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถขณะวิ่งบนทาง
นายพิริยะ ทองสอน เลขาธิการมูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน กล่าวว่า เครือข่ายภาคประชาชนได้เฝ้าระวังการบังคับใช้กฎหมายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับล่าสุด แต่ปัญหาที่พบ คือ มีการละเมิดกฎหมาย ของบริษัททัวร์ต่างๆ เช่น จัดให้มีการดื่มสุราบนรถ มีการดื่มในสถานที่ห้ามเช่น ในวัด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในฐานะที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯกำกับดูแลบริษัททัวร์ทั่วประเทศ และการจัดแข่งขันกีฬาโดยตรง เครือข่ายจึงขอให้เร่งทำความเข้าใจกับบริษัททัวร์ ที่มีการเดินทางด้วยรถตู้ รถบัส ว่า ห้ามทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ ขอให้ประสานงานเพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่ม องค์กร สมาคม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา กองเชียร์กีฬา ที่มักจะรวมกลุ่มกันเดินทางด้วยรถตู้ รถบัส เพื่อไปเชียร์นักกีฬาทีมโปรด ต้องห้ามดื่มสุราบนรถด้วย และหากกองเชียร์ดื่มระหว่างเดินทาง จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความรุนแรงในสนาม รวมถึงกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามเพราะขาดสติ ขณะเดียวกัน ขอให้กระทรวงกำชับการจัดงานแข่งขันกีฬา หรือจัดงานในเทศกาลท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งมีการจัดในสถานที่ราชการ ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในงานโดยเด็ดขาด
“หลังจากนี้ เครือข่ายภาคประชาชนจะคอยจับตาเฝ้าระวังการทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และหวังว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะไม่นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะอีกไม่นานจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ออกเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อสร้างความปลอดภัยและลดปัจจัยเสี่ยงบนท้องถนน การรณรงค์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ หากไม่มีเร่งปลุกจิตสำนึกและนำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างจริงจัง ซึ่งจากบทเรียนสถิติอุบัติเหตุจะมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 13,000 รายต่อปี และ 40-60% มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง กระทรวงจึงควรสนับสนุนงาน หรือเทศกาลท่องเที่ยว รวมถึงการจัดกีฬาที่ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าการปล่อย หรือละเลยจนสร้างปัญหา” นายพิริยะ กล่าว
จากนั้น นายสมบัติ กล่าวภายหลังจากรับเรื่องว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ และจะนำเรื่องนี้ไปดำเนินการเพื่อขยายผลตามกฎหมายต่อไป เพื่อให้การสูญเสียจากอุบัติเหตุลดลง นอกจากนี้ จะมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้เกิดความคืบหน้า ส่วนประเด็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสนามกีฬา ทางกระทรวงจะได้มีมาตรการต่างๆ ไว้รองรับเหตุทะเลาะวิวาท รวมถึงการห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในสนามอย่างเด็ดขาด และมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอย่างเข้มงวด ส่วนเรื่องที่ต้องมีการวัดแอลกอฮอล์ก่อนเข้างานอาจต้องนำไปพิจารณาต่อไป