“สมมาตร” ฟุ้ง องค์การค้าฯ ปรับแผนพิมพ์หนังสือเรียนใหม่ ตั้งเป้าพิมพ์หนังสือเรียน 56 เสร็จก่อน 31 มี.ค.เล็งเลิกจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงพิมพ์ต่อ หันมาเพิ่มกำลังการผลิตภายนอกแทน เตรียมเปิดโอทีกลางคืนอีก 1 กะ เช่าเครื่องพิมพ์เอกชนมาเสริม ชี้ ค่าโอทีรวมค่าเช่าเครื่องถูกกว่าการจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงพิมพ์ต่อ
นายสมมาตร มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ตนได้จัดทำแผนการพิมพ์หนังสือเรียนประจำปีการศึกษา 2556 ขององค์การค้า เพื่อนำเสนอต่อบอร์ด สกสค.ซึ่งมีการประชุมไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ในแผนดังกล่าว องค์การค้าฯ ตั้งเป้าว่าจะจัดพิมพ์หนังสือเรียนปีการศึกษา 2556 ซึ่งมียอดพิมพ์ประมาณ 40 กว่าล้านเล่ม ให้เสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค. 2556 ก่อนกำหนดเปิดภาคเรียนในวันที่ 15 พ.ค.2556 ที่สำคัญ จะมีการปรับรายละเอียดการทำงานบางอย่างเพื่อลดต้นทุนในการพิมพ์หนังสือเรียนลง องค์การค้าฯ จะได้เหลือกำไรจากการพิมพ์หนังสือเรียนมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆ มา
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนที่ชัดเจน คือ องค์การค้าฯ จะไม่จ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงพิมพ์ต่อ ที่ผ่านๆ มา รวมถึงปี 2555 ซึ่งมียอดพิมพ์หนังสือเรียนกว่า 40 ล้านเล่มนั้น มีการจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงพิมพ์ต่อประมาณ 20 ล้านเล่ม เพื่อให้พิมพ์หนังสือเรียนได้เสร็จทันกำหนด อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการบริหารจัดการเครื่องพิมพ์ที่องค์การค้ามีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว องค์การค้าฯสามารถพิมพ์หนังสือเรียนทั้งหมดได้เสร็จทัน โดยไม่จำเป็นต้องจ้างโรงพิมพ์ภายนอก ดังนั้น จะให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตโดยให้พนักงานมาทำงานกลางคืนอีก 1 กะ
“การจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงงานต่อนั้น มีต้นทุนสูงกว่า การจ้างพนักงานทำโอทีเพิ่มในช่วงกลางคืน อย่างปีนี้ จ้างโรงพิมพ์ภายนอกพิมพ์ 20 ล้านเล่ม ต้นทุนประมาณ 600 ล้านบาท แต่ถ้าเราจ้างพนักงานทำโอทีช่วงกลางคืนแล้ว ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเกือบ 1 เท่าตัว นอกจากนั้น การจ้างพิมพ์ภายนอก เรายังไม่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในเรื่องของต้นฉบับ ถึงได้เกิดปัญหาตำราเถื่อนขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเดินเครื่องพิมพ์ทั้งหมดอย่างเต็มที่ทั้ง 2 กะ แล้วยังไม่เพียงพอ องค์การค้าฯ ก็จะใช้วิธีเช่าเครื่องพิมพ์ภายนอกเพิ่ม แต่ใช้พนักงานองค์การค้าเป็นผู้พิมพ์” นายสมมาตร กล่าว
ผอ.องค์การค้าฯ กล่าวต่อว่า การเช่าเครื่องพิมพ์ภายนอกนั้นจะทำสัญญาเช่าโดยคิดค่าใช้จ่ายตามยอดพิมพ์แทน ซึ่งคุ้มค่ากว่าการทำสัญญาเช่าเครื่องตามระยะเวลา ซึ่งหากช่วงไหนไม่มีงานเข้า เครื่องพิมพ์หยุดนิ่ง ก็ต้องเสียค่าเช่าโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ถ้าองค์การค้าฯ เพิ่มกำลังการผลิตเต็มที่ พร้อมเช้าเครื่องพิมพ์ภายนอกมาเสริมแล้ว มั่นใจว่า พิมพ์ตำราเรียนทั้ง 40 ล้านเล่ม ได้เสร็จทันตามกำหนดแน่นอน นอกจากนั้น องค์การค้าฯจะได้กำไรจากการพิมพ์ตำเรียน 40 ล้านเล่ม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ได้เต็มที่ขึ้น ไม่ต้องมาสูญกำไรไปกับการจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับงานต่อ ซึ่งกำไรจากการพิมพ์ตำราเรียนนี้ จะเป็นกำลังหลักในการปลดหนี้ 1,600 ล้านบาท ขององค์การค้าฯ
ด้าน นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค.กล่าวว่า บอร์ด สกสค.เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ได้ให้ความเห็นชอบแผนขอเช่าเครื่องพิมพ์ขององค์การค้าฯ ในวงเงิน 150 ล้านบาท ซึ่งทางองค์การค้าฯ ให้ข้อมูลว่าจะสามารถประหยัดเงินได้กว่าการจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงงานต่อ อย่างน้อยประหยัดได้ 100 ล้านบาท
นายสมมาตร มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ตนได้จัดทำแผนการพิมพ์หนังสือเรียนประจำปีการศึกษา 2556 ขององค์การค้า เพื่อนำเสนอต่อบอร์ด สกสค.ซึ่งมีการประชุมไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ในแผนดังกล่าว องค์การค้าฯ ตั้งเป้าว่าจะจัดพิมพ์หนังสือเรียนปีการศึกษา 2556 ซึ่งมียอดพิมพ์ประมาณ 40 กว่าล้านเล่ม ให้เสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค. 2556 ก่อนกำหนดเปิดภาคเรียนในวันที่ 15 พ.ค.2556 ที่สำคัญ จะมีการปรับรายละเอียดการทำงานบางอย่างเพื่อลดต้นทุนในการพิมพ์หนังสือเรียนลง องค์การค้าฯ จะได้เหลือกำไรจากการพิมพ์หนังสือเรียนมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆ มา
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนที่ชัดเจน คือ องค์การค้าฯ จะไม่จ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงพิมพ์ต่อ ที่ผ่านๆ มา รวมถึงปี 2555 ซึ่งมียอดพิมพ์หนังสือเรียนกว่า 40 ล้านเล่มนั้น มีการจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงพิมพ์ต่อประมาณ 20 ล้านเล่ม เพื่อให้พิมพ์หนังสือเรียนได้เสร็จทันกำหนด อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการบริหารจัดการเครื่องพิมพ์ที่องค์การค้ามีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว องค์การค้าฯสามารถพิมพ์หนังสือเรียนทั้งหมดได้เสร็จทัน โดยไม่จำเป็นต้องจ้างโรงพิมพ์ภายนอก ดังนั้น จะให้มีการเพิ่มกำลังการผลิตโดยให้พนักงานมาทำงานกลางคืนอีก 1 กะ
“การจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงงานต่อนั้น มีต้นทุนสูงกว่า การจ้างพนักงานทำโอทีเพิ่มในช่วงกลางคืน อย่างปีนี้ จ้างโรงพิมพ์ภายนอกพิมพ์ 20 ล้านเล่ม ต้นทุนประมาณ 600 ล้านบาท แต่ถ้าเราจ้างพนักงานทำโอทีช่วงกลางคืนแล้ว ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเกือบ 1 เท่าตัว นอกจากนั้น การจ้างพิมพ์ภายนอก เรายังไม่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในเรื่องของต้นฉบับ ถึงได้เกิดปัญหาตำราเถื่อนขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเดินเครื่องพิมพ์ทั้งหมดอย่างเต็มที่ทั้ง 2 กะ แล้วยังไม่เพียงพอ องค์การค้าฯ ก็จะใช้วิธีเช่าเครื่องพิมพ์ภายนอกเพิ่ม แต่ใช้พนักงานองค์การค้าเป็นผู้พิมพ์” นายสมมาตร กล่าว
ผอ.องค์การค้าฯ กล่าวต่อว่า การเช่าเครื่องพิมพ์ภายนอกนั้นจะทำสัญญาเช่าโดยคิดค่าใช้จ่ายตามยอดพิมพ์แทน ซึ่งคุ้มค่ากว่าการทำสัญญาเช่าเครื่องตามระยะเวลา ซึ่งหากช่วงไหนไม่มีงานเข้า เครื่องพิมพ์หยุดนิ่ง ก็ต้องเสียค่าเช่าโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ถ้าองค์การค้าฯ เพิ่มกำลังการผลิตเต็มที่ พร้อมเช้าเครื่องพิมพ์ภายนอกมาเสริมแล้ว มั่นใจว่า พิมพ์ตำราเรียนทั้ง 40 ล้านเล่ม ได้เสร็จทันตามกำหนดแน่นอน นอกจากนั้น องค์การค้าฯจะได้กำไรจากการพิมพ์ตำเรียน 40 ล้านเล่ม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ได้เต็มที่ขึ้น ไม่ต้องมาสูญกำไรไปกับการจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับงานต่อ ซึ่งกำไรจากการพิมพ์ตำราเรียนนี้ จะเป็นกำลังหลักในการปลดหนี้ 1,600 ล้านบาท ขององค์การค้าฯ
ด้าน นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค.กล่าวว่า บอร์ด สกสค.เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ได้ให้ความเห็นชอบแผนขอเช่าเครื่องพิมพ์ขององค์การค้าฯ ในวงเงิน 150 ล้านบาท ซึ่งทางองค์การค้าฯ ให้ข้อมูลว่าจะสามารถประหยัดเงินได้กว่าการจ้างโรงพิมพ์ภายนอกรับช่วงงานต่อ อย่างน้อยประหยัดได้ 100 ล้านบาท
