เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- เล็กซ์มาร์ค อินเตอร์เนชันแนล อิงก์ ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมการพิมพ์ และผู้ผลิตเครื่องพิมพ์รายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ประกาศหันหลังให้กับธุรกิจการผลิตเครื่องพิมพ์แบบ “inkjet” อย่างเป็นทางการแล้ว โดยให้เหตุผลจำเป็นต้องวางมือเพื่อความอยู่รอดและปรับปรุงผลประกอบการของบริษัทให้ดีขึ้น
ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์รายใหญ่ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองเล็กซิงตัน ในมลรัฐเคนทักกีรายนี้ ยืนยัน จะยุติการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์แบบ “inkjet” อย่างถาวรนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป และจะมีการปิดตัวโรงงานผลิตเครื่องพิมพ์แบบดังกล่าวที่เซบู ในฟิลิปปินส์ภายในปี 2015 พร้อมกับเตรียมปลดพนักงานที่เกี่ยวข้องออกกว่า 1,700 ตำแหน่งจากจำนวนคนงานทั้งหมดที่มีอยู่ราว 13,300 คน เพื่อลดต้นทุนให้ได้ราว 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2,974 ล้านบาท) ต่อปี
ด้านพอล รูค ประธานและซีอีโอของเล็กซ์มาร์ค เผยว่า ทางบริษัทยังมีแผนที่จะขายสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเครื่องพิมพ์แบบ “inkjet” อีกกว่า 1,000 รายการด้วยเช่นกัน แต่ยังคงยืนยันจะผลิตและจำหน่ายเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ต่อไป รวมถึงจะหันไปให้ความสำคัญกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านภาพและบริการจัดการด้านเอกสารให้มากขึ้น
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเล็กซ์มาร์กมีขึ้นหลังตัวเลขผลกำไรของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ร่วงลงมาเหลือเพียง 39.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,227 ล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขผลกำไรที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 61 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ยอดขายเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตทั่วโลกลดต่ำลงอย่างน่าใจหาย หลังจากเกิดปรากฏการณ์เฟื่องฟูของโซเชียลมีเดีย ที่บรรดาผู้ใช้เลือกที่จะโพสต์รูปถ่ายของตนลงในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์กันมากขึ้น แทนการพิมพ์รูปออกมาเก็บไว้อย่างแต่ก่อน