สธ.จัดกิจกรรม “คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า” เทิดพระเกียรติสมเด็จย่า “พระมารดาแห่งการทันตแพทย์ไทย” และเนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ เผย เด็กไทยอายุ 3 ปี พบฟันน้ำนมผุ ร้อยละ 61 และสูงถึงร้อยละ 81 เมื่ออายุ 5 ปี เร่งกระตุ้นให้คนไทยดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของตนเองตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ พร้อมจัดบริการทันตกรรมฟรีในสถานบริการของรัฐทั่วประเทศ
วันนี้ (19 ต.ค.) นายแพทย์ วิชัย เทียนถาวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ “คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า” ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 21 ตุลาคม 2555 และเป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ และในเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ดูแล สุขภาพช่องปากคนไทย กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยได้จัดโครงการรณรงค์ “คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า” เพื่อเทิดพระเกียรติฯ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “พระมารดาแห่งการทันตแพทย์ไทย” และส่งเสริมให้ประชาชนได้หันมาดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองมากขึ้น
นายแพทย์ วิชัย กล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจปัญหาด้านทันตสาธารณสุขของคนไทย พบว่า เด็กไทย อายุ 3 ปี เป็นโรคฟันน้ำนมผุถึงร้อยละ 61 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 81 เมื่ออายุ 5 ปี สำหรับฟันแท้ผุ ถึงร้อยละ 57 ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้ปกครองเริ่มแปรงฟันให้เด็กช้า และไม่แปรงฟันทุกวัน และจากพฤติกรรมการบริโภคของเด็กที่นิยมกินขนม น้ำอัดลม ซึ่งเด็กเล็กยังไม่มีประสิทธิภาพในการแปรงฟันของเด็กเล็กยังไม่มีต้องอาศัยพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง สำหรับผู้สูงอายุพบปัญหาการสูญเสียฟันจนไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ ซึ่งร้อยละ 92 พบสูญเสียฟันอย่างน้อย 1 ซี่ ส่วนหนึ่งไม่มีฟันทั้งปากต้องใส่ฟันเทียม และพบปัญหาโรคในช่องปาก เป็นปัญหาที่กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยต้องเร่งดำเนินการแก้ไข เพราะสุขภาพปากและฟันถือเป็นด่านแรกในการลำเลียงสารอาหารเข้าสู่ร่างกายส่งผลถึงการเจริญเติบโตและสติปัญญาได้
“การดำเนินงานที่ผ่านมา กรมอนามัยได้รณรงค์ให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการแปรงฟันในเด็กเล็กที่บ้าน และฝึกทักษะเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศประมาณ 800,000 คน แปรงฟันหลังอาหารกลางวันเพื่อป้องกันฟันผุ และดำเนินงานโครงการฟันเทียมพระราชทานต่อเนื่อง ส่งผลให้ขณะนี้มีผู้สูงอายุได้รับบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไปแล้ว จำนวนกว่า 270,000 ราย นอกจากนี้ สธ.ยังได้ร่วมกับมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) คณะทันตแพทยศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร และทันตแพทยสมาคมฯระดมทันตบุคลากรอาสาสมัครทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรมรณรงค์ทางทันตสาธารณสุขออกให้บริการตรวจรักษาโรคและ การให้บริการทันตกรรมโดยไม่คิดมูลค่าในท้องถิ่นทุรกันดารจนถึงปัจจุบัน” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ด้าน นายแพทย์ เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับการจัดกิจกรรมเนื่องใน วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติในครั้งนี้ กรมอนามัยได้กระตุ้นให้คนไทยให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของตนเองตั้งแต่เด็กจนถึงสูงอายุ เริ่มตั้งแต่โครงการ “ลูกรักฟันดี เริ่มที่ซี่แรก” ที่จัดขึ้นทั่วประเทศ ในวันที่ 1-7 พฤศจิกายน เพื่อฝึกทักษะการแปรงฟันให้พ่อแม่เพราะเด็กต้องการการดูแลสุขภาพฟันตั้งแต่ ฟันซี่แรก ตั้งเป้ามีแม่ลูกเข้าร่วมกิจกรรม 1 แสนคู่ สำหรับผู้สูงอายุจัดการประกวด “10 ยอดฟันดี วัย 80 และ 90 ปี” เพื่อค้นหาและยกย่องผู้สูงอายุไทยที่ดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง รวมถึงประชาชนทั่วไปจัดกิจกรรม “ฟันดี สุขภาพดี” มินิมาราธอน ครั้งที่ 2 พร้อมทั้งให้บริการทันตกรรมฟรีในสถานบริการของรัฐทั่วประเทศ โดยเปิดตัวโครงการในวันนี้ที่กรมอนามัย พร้อมทั้งจัดนิทรรศการความรู้ด้านการดูแลสุขภาพทั่วไปและสุขภาพ ช่องปาก การตรวจฟัน และประชาชนสามารถนำแปรงสีฟันเก่ามาแลกแปรงสีฟันใหม่ได้ภายงาน
วันนี้ (19 ต.ค.) นายแพทย์ วิชัย เทียนถาวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดโครงการรณรงค์ “คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า” ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 21 ตุลาคม 2555 และเป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ และในเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ดูแล สุขภาพช่องปากคนไทย กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยได้จัดโครงการรณรงค์ “คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า” เพื่อเทิดพระเกียรติฯ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “พระมารดาแห่งการทันตแพทย์ไทย” และส่งเสริมให้ประชาชนได้หันมาดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองมากขึ้น
นายแพทย์ วิชัย กล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจปัญหาด้านทันตสาธารณสุขของคนไทย พบว่า เด็กไทย อายุ 3 ปี เป็นโรคฟันน้ำนมผุถึงร้อยละ 61 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 81 เมื่ออายุ 5 ปี สำหรับฟันแท้ผุ ถึงร้อยละ 57 ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้ปกครองเริ่มแปรงฟันให้เด็กช้า และไม่แปรงฟันทุกวัน และจากพฤติกรรมการบริโภคของเด็กที่นิยมกินขนม น้ำอัดลม ซึ่งเด็กเล็กยังไม่มีประสิทธิภาพในการแปรงฟันของเด็กเล็กยังไม่มีต้องอาศัยพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง สำหรับผู้สูงอายุพบปัญหาการสูญเสียฟันจนไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ ซึ่งร้อยละ 92 พบสูญเสียฟันอย่างน้อย 1 ซี่ ส่วนหนึ่งไม่มีฟันทั้งปากต้องใส่ฟันเทียม และพบปัญหาโรคในช่องปาก เป็นปัญหาที่กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยต้องเร่งดำเนินการแก้ไข เพราะสุขภาพปากและฟันถือเป็นด่านแรกในการลำเลียงสารอาหารเข้าสู่ร่างกายส่งผลถึงการเจริญเติบโตและสติปัญญาได้
“การดำเนินงานที่ผ่านมา กรมอนามัยได้รณรงค์ให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการแปรงฟันในเด็กเล็กที่บ้าน และฝึกทักษะเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศประมาณ 800,000 คน แปรงฟันหลังอาหารกลางวันเพื่อป้องกันฟันผุ และดำเนินงานโครงการฟันเทียมพระราชทานต่อเนื่อง ส่งผลให้ขณะนี้มีผู้สูงอายุได้รับบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไปแล้ว จำนวนกว่า 270,000 ราย นอกจากนี้ สธ.ยังได้ร่วมกับมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) คณะทันตแพทยศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร และทันตแพทยสมาคมฯระดมทันตบุคลากรอาสาสมัครทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรมรณรงค์ทางทันตสาธารณสุขออกให้บริการตรวจรักษาโรคและ การให้บริการทันตกรรมโดยไม่คิดมูลค่าในท้องถิ่นทุรกันดารจนถึงปัจจุบัน” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ด้าน นายแพทย์ เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับการจัดกิจกรรมเนื่องใน วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติในครั้งนี้ กรมอนามัยได้กระตุ้นให้คนไทยให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของตนเองตั้งแต่เด็กจนถึงสูงอายุ เริ่มตั้งแต่โครงการ “ลูกรักฟันดี เริ่มที่ซี่แรก” ที่จัดขึ้นทั่วประเทศ ในวันที่ 1-7 พฤศจิกายน เพื่อฝึกทักษะการแปรงฟันให้พ่อแม่เพราะเด็กต้องการการดูแลสุขภาพฟันตั้งแต่ ฟันซี่แรก ตั้งเป้ามีแม่ลูกเข้าร่วมกิจกรรม 1 แสนคู่ สำหรับผู้สูงอายุจัดการประกวด “10 ยอดฟันดี วัย 80 และ 90 ปี” เพื่อค้นหาและยกย่องผู้สูงอายุไทยที่ดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง รวมถึงประชาชนทั่วไปจัดกิจกรรม “ฟันดี สุขภาพดี” มินิมาราธอน ครั้งที่ 2 พร้อมทั้งให้บริการทันตกรรมฟรีในสถานบริการของรัฐทั่วประเทศ โดยเปิดตัวโครงการในวันนี้ที่กรมอนามัย พร้อมทั้งจัดนิทรรศการความรู้ด้านการดูแลสุขภาพทั่วไปและสุขภาพ ช่องปาก การตรวจฟัน และประชาชนสามารถนำแปรงสีฟันเก่ามาแลกแปรงสีฟันใหม่ได้ภายงาน