ศน.ตั้ง กก.สอบปัญหาฮัจญ์นอกระบบ หลังได้รับรายงานมีผู้แสวงบุญเสียชีวิต 5 ราย
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ที่ประชุมได้มีการหยิบยกกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปแสวงบุญ ณ เมืองเมกกะ ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะเรื่องการลงทะเบียนนอกระบบ รวมถึงกรณีที่ผู้ประกอบการฮัจญ์ที่ได้โควตาอย่างถูกต้องจาก ศน.แต่ไม่สามารถส่งผู้แสวงบุญมาครบตามจำนวนที่ได้รับการจัดสรรโควตาถึง 271 ราย จึงทำให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมต้องเสียโอกาสที่จะเดินทาง ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงมาชุดหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ประกอบการที่ยื่นขอวีซ่านอกระบบ โดยได้เชิญอัยการจากสำนักอัยการสูงสุดมาเป็นประธาน และผู้ทรงคุณวุฒิ รองอธิบดี ศน.และนิติกร เป็นกรรมการ โดยให้มีขั้นตอนสืบสวนตั้งแต่หลอกลวงผู้แสวงบุญ การปลอมแปลงเอกสาร เพื่อยื่นขอวีซ่า ต่อสถานทูตซาอุดีอาระเบีย จนไปถึงการดูแลผู้แสวงบุญนอกระบบระหว่างเดินทางไปแสวงบุญ จากนั้น มอบหมายให้ ศน.เป็นตัวแทนของผู้แสวงบุญที่ถูกหลอกลวงแจ้งดำเนินคดีกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการจัดเช่าบ้านพัก สำหรับผู้แสวงบุญในปี 2556 ซึ่งสามารถบรรจุผู้แสวงบุญได้ถึง 2,005 คน แต่ทั้งนี้ ยังได้มีการหารือถึงเงินประกันการเช่าบ้าน ว่า อาจจะใช้เงินกองทุนส่งเสริมกิจการฮัจญ์ หรืออาจจะของบประมาณกลางจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นกรณีพิเศษ เพื่อวางเงินมัดจำล่วงหน้าก่อน ขณะเดียวกัน ก็อาจจะต้องมีการเช่าบ้านสำรอง เพื่อรองรับผู้แสวงบุญทั้งหมดตามโควตาที่ประเทศไทยได้รับในปี 2556ด้วย
ทั้งนี้ ศน.ยังได้รับรายงานว่า ในเทศกาลฮัจญ์ ปี 2555 มีผู้แสวงบุญที่เดินทางไปและเสียชีวิต แล้ว 5 ราย ดังนี้ 1.นายมือลี เจะแล จ. ปัตตานี เสียชีวิตด้วยโรคไต 2.นายนิแว นิแม จาก จ. นราธิวาส เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 3.นายอุสมาน เจ๊ะยา จ.นราธิวาส เสียชีวิตด้วยโรคความดันโลหิตต่ำ 4.นายอาแว มูซอ จ.นราธิวาส เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลับ และ 5.นายดือราแม ปากาลาแล จ.ปัตตานี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ
“ตนขอชี้แจงไปยังพี่น้องชาวไทยมุสลิมด้วยว่า การที่ ศน.จะแจ้งความร้องทุกข์กับดีเอสไอ หรือ สถานีตำรวจที่เกิดเหตุนั้น เป็นการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้ประกอบการฮัจญ์ที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ พ.ศ.2524 ไม่ได้เอาผิดแก่ผู้แสวงบุญแต่อย่างใด จึงขอให้ผู้แสวงบุญสบายใจได้ เพราะเราพยายามรักษาผลประโยชน์แก่ประชาชน และหากผู้ใดมีหลักฐาน หรือเบาะแสขอให้แจ้งมาที่กรมการศาสนา โทร.0-2422-8823-5 หรือสายด่วน 1765” นายปรีชา กล่าวทิ้งท้าย
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ที่ประชุมได้มีการหยิบยกกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปแสวงบุญ ณ เมืองเมกกะ ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะเรื่องการลงทะเบียนนอกระบบ รวมถึงกรณีที่ผู้ประกอบการฮัจญ์ที่ได้โควตาอย่างถูกต้องจาก ศน.แต่ไม่สามารถส่งผู้แสวงบุญมาครบตามจำนวนที่ได้รับการจัดสรรโควตาถึง 271 ราย จึงทำให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมต้องเสียโอกาสที่จะเดินทาง ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงมาชุดหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบผู้ประกอบการที่ยื่นขอวีซ่านอกระบบ โดยได้เชิญอัยการจากสำนักอัยการสูงสุดมาเป็นประธาน และผู้ทรงคุณวุฒิ รองอธิบดี ศน.และนิติกร เป็นกรรมการ โดยให้มีขั้นตอนสืบสวนตั้งแต่หลอกลวงผู้แสวงบุญ การปลอมแปลงเอกสาร เพื่อยื่นขอวีซ่า ต่อสถานทูตซาอุดีอาระเบีย จนไปถึงการดูแลผู้แสวงบุญนอกระบบระหว่างเดินทางไปแสวงบุญ จากนั้น มอบหมายให้ ศน.เป็นตัวแทนของผู้แสวงบุญที่ถูกหลอกลวงแจ้งดำเนินคดีกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบการจัดเช่าบ้านพัก สำหรับผู้แสวงบุญในปี 2556 ซึ่งสามารถบรรจุผู้แสวงบุญได้ถึง 2,005 คน แต่ทั้งนี้ ยังได้มีการหารือถึงเงินประกันการเช่าบ้าน ว่า อาจจะใช้เงินกองทุนส่งเสริมกิจการฮัจญ์ หรืออาจจะของบประมาณกลางจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นกรณีพิเศษ เพื่อวางเงินมัดจำล่วงหน้าก่อน ขณะเดียวกัน ก็อาจจะต้องมีการเช่าบ้านสำรอง เพื่อรองรับผู้แสวงบุญทั้งหมดตามโควตาที่ประเทศไทยได้รับในปี 2556ด้วย
ทั้งนี้ ศน.ยังได้รับรายงานว่า ในเทศกาลฮัจญ์ ปี 2555 มีผู้แสวงบุญที่เดินทางไปและเสียชีวิต แล้ว 5 ราย ดังนี้ 1.นายมือลี เจะแล จ. ปัตตานี เสียชีวิตด้วยโรคไต 2.นายนิแว นิแม จาก จ. นราธิวาส เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 3.นายอุสมาน เจ๊ะยา จ.นราธิวาส เสียชีวิตด้วยโรคความดันโลหิตต่ำ 4.นายอาแว มูซอ จ.นราธิวาส เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลับ และ 5.นายดือราแม ปากาลาแล จ.ปัตตานี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ
“ตนขอชี้แจงไปยังพี่น้องชาวไทยมุสลิมด้วยว่า การที่ ศน.จะแจ้งความร้องทุกข์กับดีเอสไอ หรือ สถานีตำรวจที่เกิดเหตุนั้น เป็นการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแก่ผู้ประกอบการฮัจญ์ที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจญ์ พ.ศ.2524 ไม่ได้เอาผิดแก่ผู้แสวงบุญแต่อย่างใด จึงขอให้ผู้แสวงบุญสบายใจได้ เพราะเราพยายามรักษาผลประโยชน์แก่ประชาชน และหากผู้ใดมีหลักฐาน หรือเบาะแสขอให้แจ้งมาที่กรมการศาสนา โทร.0-2422-8823-5 หรือสายด่วน 1765” นายปรีชา กล่าวทิ้งท้าย