xs
xsm
sm
md
lg

เปลี่ยนสิทธิ์รักษา 6 กรณีต้องขอข้อมูลยื่น รพ.ใหม่เอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แจง 6 กรณีการเปลี่ยนสิทธิการรักษาผู้ป่วยเอชไอวี/เอดส์-ไตวายเรื้อรัง เผย ต้องขอข้อมูลการแพทย์ไปยื่นโรงพยาบาลใหม่เอง เหตุไม่มีระบบออนไลน์ ติดกฎหมายความลับผู้ป่วย ย้ำเลือก รพ.รักษานอกเหนือ รพ.คู่สัญญาได้ หากเป็น รพ.สังกัด สธ.เว้นเลือก รพ.เอกชนทำไม่ได้

วันนี้ (8 ต.ค.) ที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) นพ.พีรพล สุทธิวิเศษศักดิ์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวในการประชุมชี้แจงการสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณาการสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพภาครัฐกรณีการให้บริการผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV/ผู้ป่วยโรคเอดส์ และผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายแก่สถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม ว่า การดำเนินการเปลี่ยนสิทธิการรักษาสำหรับผู้ป่วยเอดส์/ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย สามารถแบ่งเป็น 6 กรณี คือ 1.จากสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาท เป็นประกันสังคม ผู้ประกันตนจะได้สิทธิหลังจ่ายเงินสมทบครบ 90 วัน ผู้ป่วยเลือกโรงพยาบาลคู่สัญญาและโรงพยาบาลที่จะรักษา อาจเป็นคนละโรงพยาบาลก็ได้ 2.จากสิทธิประกันสังคมเป็นสิทธิประกันสุขภาพ ผู้ประกันตนยังคงสิทธิหลังออกจากงาน 180 วัน ผู้ป่วยเลือกลงทะเบียนหน่วยบริการประจำและเลือกโรงพยาบาลที่จะรักษา อาจเป็นคนละโรงพยาบาลก็ได้
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
3.จากสิทธิประกันสุขภาพเป็นสิทธิสวัสดิการข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ ได้รับสิทธินับจากวันบรรจุ โดยจะไม่มีระบบลงทะเบียน ผู้ป่วยต้องติดต่อโรงพยาบาลของรัฐที่สะดวกเข้ารับการรักษา 4.จากสิทธิข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจเป็นสิทธิประกันสุขภาพ ได้รับสิทธิหลักประกันสุขภาพทันทีหลังจากสิ้นสุดสิทธิข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ ผู้ป่วยเลือกลงทะเบียนหน่วยบริการประจำและเลือกโรงพยาบาลที่จะรักษาอาจเป็นคนละโรงพยาบาล 5.จากสิทธิข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจเป็นสิทธิประกันสังคม ผู้ประกันตนได้สิทธิหลังจ่ายเงินสมทบครบ 90 วัน และเลือกโรงพยาบาลคู่สัญญาและโรงพยาบาลรักษาที่อาจจะเป็นคนละแห่งก็ได้ และ 6.จากสิทธิประกันสังคมเป็นสิทธิข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ ผู้ประกันตนยังคงสิทธิหลังออกจากงาน 180 วัน ไม่มีระบบลงทะเบียนให้ผู้ป่วยติดต่อเลือกโรงพยาบาลของรัฐที่สะดวกเข้ารับการรักษา

“ทั้ง 6 กรณีผู้ป่วยสามารถเลือกโรงพยาบาลคู่สัญญาแตกต่างจากโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษาได้เฉพาะที่เป็นโรงพยาบาลรัฐบาลด้วยกันเท่านั้น และในการย้ายโรงพยาบาล ผู้ป่วยต้องแสดงความจำนงแก่ผู้ประสานของโรงพยาบาลเดิมเพื่อขอข้อมูลทางการแพทย์ไปให้โรงพยาบาลใหม่ เนื่องจากไม่มีระบบออนไลน์ เพราะข้อมูลของผู้ป่วยจะต้องเป็นความลับตามที่กฎหมายกำหนด” รองเลขาธิการ สปสช.กล่าว

ด้าน นางสุพัชรี มีครุฑ ผู้ตรวจราชการ สปส.กล่าวว่า ผู้ป่วยที่เป็นผู้ประกันตนทั้งที่เป็นผู้ประกันตนเดิมและผู้ที่เปลี่ยนจากสิทธิอื่นมาเป็นประกันสังคม หากเลือกโรงพยาบาลคู่สัญญาเป็นโรงพยาบาลเอกชน จะไม่สามารถเลือกโรงพยาบาลรักษาอื่นได้ต้องรักษากับโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญาที่ระบุในบัตรประกันสังคม เนื่องจากระบบของประกันสังคมจะทำสัญญากับโรงพยาบาลคู่สัญญาเท่านั้น แต่หากเป็นผู้ประกันตนที่โรงพยาบาลตามบัตรเป็นโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สธ.ได้มีการอนุโลมให้เข้ารักษาในโรงพยาบาลสังกัดสธ.อื่นที่ไม่ใช่โรงพยาบาลตามบัตรได้ แต่ต้องอยู่ภายในโรงพยาบาลเดียวกัน

“สำหรับสิทธิประโยชน์ของผู้ป่วยทั้ง 2 โรคทั้งสิทธิประกันสังคมและสิทธิประกันสุขภาพ ส่วนตัวเห็นว่าเกณฑ์เหมือน หรือใกล้เคียงกันแล้วมีความแตกต่างแค่ในส่วนของเงินที่จ่ายเท่านั้น เช่น กรณีการตรวจซีดีโฟร์ (CD4) ของผู้ป่วยเอดส์ สปส.จ่าย 500 บาทต่อการตรวจรู้ผล ขณะที่ สปสช.จ่าย 400 บาทต่อการตรวจรู้ผล หรือการตรวจปริมาณไวรัสในร่างกาย ที่ สปส.จ่าย 2,500 บาทต่อการตรวจรู้ผล ส่วน สปสช.จ่ายชดเชยเป็นน้ำยา 1.1 เท่าพร้อมค่าบริหารจัดการ 250 บาทต่อการตรวจรู้ผล เป็นต้น ซึ่งในอนาคต สปส.จะพยายามให้มาตรฐานเป็นแบบเดียวกัน” นางสุพัชรี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น