xs
xsm
sm
md
lg

วัยรุ่นไทยอึ๊บครั้งแรก 15 ปี ท้อง-ติดเชื้อกามโรคพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
รัฐบาลเร่งรัดร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติเข้าสภา คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติเห็นชอบ เพื่อพัฒนาคุณภาพประชากรไทย เตรียมเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกา เผยขณะนี้วัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุ 15-16 ปี มีปัญหาท้องก่อนวัยอันควร ติดเชื้อกามโรคเพิ่มขึ้น

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการวางแผนพัฒนาคุณภาพประชากรไทยว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพประชากรไทยทุกกลุ่มอายุ ซึ่งปัจจุบันไทยประสบปัญหาทั้งด้านจำนวนและคุณภาพประชากร โดยโครงสร้างประชากรมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากประสบผลสำเร็จในการวางแผนครอบครัวตั้งแต่ พ.ศ. 2513 ทำให้มีอัตราเพิ่มประชากรลดลง ล่าสุดในปี 2553 มีเพียงร้อยละ 0.5 หญิงไทยมีบุตรโดยเฉลี่ย 1.5 คน ซึ่งต่ำกว่าอัตราทดแทนคือพ่อแม่รวม 2 คน ทำให้ประชากรวัยแรงงานมีจำนวนน้อยลง ในอนาคตอาจจะต้องนำเข้าแรงงานที่มีคุณภาพจากต่างประเทศเข้ามาทดแทน ในขณะเดียวกันประชากรสูงอายุกลับมีจำนวนเพิ่มขึ้น และก้าวสู่สังคมของผู้สูงอายุ ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 12 ของประชากรทั้งประเทศ ประการสำคัญยังมีปัญหาคุณภาพวัยรุ่นที่จะเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต จากพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศที่ไม่ได้ป้องกัน เนื่องจากวัยรุ่นไทยในปัจจุบันมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุน้อยลงเรื่อยๆ จากอายุ 18-19 ปี ใน พ.ศ. 2539 เป็นอายุ 15-16 ปี ใน พ.ศ. 2552 อัตราการคลอดบุตรของวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี เพิ่มจาก 50.3 ใน พ.ศ. 2548 เป็น 54.9 ต่อกลุ่มหญิงอายุ 15-19 ปีทุกๆ 1,000 คน ในปี 2554 วัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกใช้ถุงยางอนามัยไม่ถึงร้อยละ 40 ทำให้อัตราป่วยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในเยาวชนอายุ 15-24 ปีสูงขึ้นจาก 23.5 ในพ.ศ. 2545 เป็น 79.8 ต่อประชากรวัยนี้ทุก 1 แสนคน ใน พ.ศ. 2553 ต้นเหตุปัญหามาจากขาดความรู้ เช่นความเข้าใจผิดคิดว่าร่วมเพศครั้งเดียวไม่ตั้งครรภ์ การใช้ถุงยางอนามัยขัดขวางความรู้สึกทางเพศ เป็นต้น

นายวิทยากล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ พ.ศ..... ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกที่จะทำให้ระบบบริการในเชิงส่งเสริมด้านอนามัยเจริญพันธุ์ของไทยครบถ้วน มีบริการคุณภาพในสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชน การให้ความรู้ในสถานศึกษา หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน หรือสถานประกอบการอย่างกว้างขวาง โดยมี 5 หมวด รวม 31 มาตรา ซึ่งในจำนวนนี้มีหมวดการให้บริการ ประกอบด้วย การให้ความรู้ การให้คำปรึกษา การบำบัดรักษา การส่งต่อและการช่วยเหลือ 9 เรื่อง
 
ได้แก่ 1. ข้อมูลข่าวสารอนามัยการเจริญพันธุ์และเพศศึกษา 2. การวางแผนครอบครัวทั้งชายและหญิง 3. ภาวะการมีบุตรยาก ซึ่งจะพัฒนาผู้ให้บริการให้มีความรู้และความสามารถในการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการมีบุตรตามมาตรฐาน 4. อนามัยแม่และเด็ก ซึ่งได้กำหนดให้สถานศึกษาที่มีเด็กนักเรียนตั้งครรภ์ได้เรียนต่อ หน่วยงานรัฐต้องไม่ขัดขวางการลาคลอดและเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 5. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ 6. โรคมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ 7. การแท้งและภาวะแทรกซ้อน และระบบการส่งต่อที่เหมาะสม 8. การดูแลสุขภาพวัยทอง และ 9. บริการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะนำเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อเห็นชอบและนำเข้าให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบและประกาศเป็นกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น