บอร์ด สกศ.เห็นด้วยสร้างระบบเครดิตแบงก์ ระดับประเทศ ตามที่ สภาการศึกษาเสนอ พร้อมตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ รับหน้าที่เทียบโอนประสบการณ์การทำงานให้เป็นวุฒิการศึกษา และตั้งอนุกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องดังกล่าว 1 ชุด หวังเพิ่มเติมวุฒิการศึกษาให้ประชากรวัย 36 ล้านคน มีโอกาสศึกษาต่อถึงระดับอุดมศึกษา
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่โรงแรมพูลแมน บางกอก คิงพาวเวอร์ กรุงเทพฯ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษา ครั้งที่ 2/2555 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่สภาการศึกษาเสนอแผนพัฒนาอาชีพด้วยระบบส่งเสริมประสบการณ์และการเรียนรู้ หรือ ระบบเครดิตแบงก์ (Credit Bank) ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยในการจัดการศึกษานอกระบบที่เปิดให้คนในวัยทำงานสามารถนำประสบการณ์ในการทำงานมาเทียบโอนเป็นวุฒิการศึกษาได้ ซึ่งปัจจุบันมีหลายหน่วยงานจัดการศึกษานอกระบบให้คนวัยทำงาน โดยนำเอาระบบเครดิตแบงก์มาใช้ แต่ที่นำมาอย่างชัดเจน ก็คือ นโยบายเรียนจบ ม.6 ใน 8 เดือนของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย (กศน.) ทั้งนี้ บอร์ดสภาการศึกษา เห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานมาศึกษารายละเอียดในเรื่องนี้
ด้าน นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า ปัจจุบัน ศธ.ยังไม่มีบทบาทอย่างจริงจัง ในการพัฒนาการศึกษาให้กับประชากรในวัยทำงาน ซึ่งมีจำนวนกว่า 36 ล้านคน กระจายอยู่ภาคการเกษตร 12.85 ล้านคน ภาคการผลิต 6 ล้านคน ค้าขาย 5.46 ล้านคน ภาคบริการอื่นๆ ประมาณ 11 ล้านคน ขณะเดียวกัน สกศ.จึงได้ศึกษาวิจัย การจัดการศึกษาของประเทศเกาหลีใต้ ที่จัดการศึกษาได้ครอบคลุมทั้งการศึกษาในในระบบและการศึกษานอกระบบ และมีหน่วยงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน ดังนั้น สกศ.ได้นำหยิบยกเรื่องเครดิตแบงก์มาพิจารณาในบอร์ด สกศ.เพื่อเสนอกำหนดรูปแบบดังกล่าวในภาพรวมของประเทศ พร้อมกันนี้บอร์ด สกศ.ได้สั่งให้มีการตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมา 1 หน่วยงาน เพื่อรับผิดชอบในการทำระบบเครดิตแบงก์โดยตรง ซึ่งหน่วยงานนี้จะทำหน้าที่เทียบโอนประสบการณ์จากการทำงาน และตีราคาออกมาเป็นวุฒิการศึกษาให้กับคนทำงาน ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานเหล่านี้มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษาได้มากขึ้น คนที่ทำงานในโรงงาน เจ้าของกิจการที่ไม่ได้จบปริญญาตรี ก็สามารถมาตีราคาออกมาเป็นวุฒิการศึกษา แล้วไปเรียนต่อในวิชาที่ตนเองไม่พร้อม หรือยังขาดอยู่ได้
“จริงๆ แล้วการเทียบโอนประสบการณ์จากการทำงานเป็นหน่วยกิตเพื่อเรียนต่อนั้น ก็มีหลายหน่วยงานดำเนินการอยู่ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) หรือนโยบายเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภายใน 8 เดือน ของ กศน. แต่ทำในลักษณะต่างคนต่างทำ ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะมาบูรณาการกัน แล้วตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องนี้ รวมถึงทำหน้าที่บริหารจัดการหลักสูตรต่างๆ ในการศึกษานอกระบบที่ออกมารองรับคนกลุ่มนี้ด้วย ในประเทศเกาหลีใต้จะมีหลักสูตรหลากหลายมากสำหรับผู้เรียน และจะมีหน่วยงานเฉพาะที่ดูแลเรื่องการเทียบโอนและดูแลหลักสูตรเหล่านี้” เลขชาธิการ สกศ.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม นักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เคยถูกรีไทร์ก็จะได้รับประโยชน์จากระบบเครดิตแบงก์ด้วย เจ้าตัวสามารถนำหน่วยกิตในวิชาที่เรียนมาแล้วฝากไว้ในระบบ ซึ่งเมื่อมีความพร้อมเพียงพอก็สามารถกลับมาศึกษาต่อจนจบ ป.ตรีได้ ขณะเดียวกัน คนที่เคยจบระดับประถมศึกษาแล้วต้องออกมาทำงาน ก็สามารถนำเองหน่วยกิตที่ได้เรียนมาบวกกับประสบการณ์ทำงานมาตีราคาเป็นวุฒิการศึกษาได้ ทั้งนี้บอร์ด สกศ.ได้ให้ความเห็นชอบกับเรื่องนี้ และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สกศ.เฉพาะกิจ 1 คณะเพื่อศึกษาวิจัยในรายละเอียด
วันนี้ (24 ก.ย.) ที่โรงแรมพูลแมน บางกอก คิงพาวเวอร์ กรุงเทพฯ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษา ครั้งที่ 2/2555 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่สภาการศึกษาเสนอแผนพัฒนาอาชีพด้วยระบบส่งเสริมประสบการณ์และการเรียนรู้ หรือ ระบบเครดิตแบงก์ (Credit Bank) ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยในการจัดการศึกษานอกระบบที่เปิดให้คนในวัยทำงานสามารถนำประสบการณ์ในการทำงานมาเทียบโอนเป็นวุฒิการศึกษาได้ ซึ่งปัจจุบันมีหลายหน่วยงานจัดการศึกษานอกระบบให้คนวัยทำงาน โดยนำเอาระบบเครดิตแบงก์มาใช้ แต่ที่นำมาอย่างชัดเจน ก็คือ นโยบายเรียนจบ ม.6 ใน 8 เดือนของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย (กศน.) ทั้งนี้ บอร์ดสภาการศึกษา เห็นชอบให้ตั้งคณะทำงานมาศึกษารายละเอียดในเรื่องนี้
ด้าน นายเอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า ปัจจุบัน ศธ.ยังไม่มีบทบาทอย่างจริงจัง ในการพัฒนาการศึกษาให้กับประชากรในวัยทำงาน ซึ่งมีจำนวนกว่า 36 ล้านคน กระจายอยู่ภาคการเกษตร 12.85 ล้านคน ภาคการผลิต 6 ล้านคน ค้าขาย 5.46 ล้านคน ภาคบริการอื่นๆ ประมาณ 11 ล้านคน ขณะเดียวกัน สกศ.จึงได้ศึกษาวิจัย การจัดการศึกษาของประเทศเกาหลีใต้ ที่จัดการศึกษาได้ครอบคลุมทั้งการศึกษาในในระบบและการศึกษานอกระบบ และมีหน่วยงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน ดังนั้น สกศ.ได้นำหยิบยกเรื่องเครดิตแบงก์มาพิจารณาในบอร์ด สกศ.เพื่อเสนอกำหนดรูปแบบดังกล่าวในภาพรวมของประเทศ พร้อมกันนี้บอร์ด สกศ.ได้สั่งให้มีการตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมา 1 หน่วยงาน เพื่อรับผิดชอบในการทำระบบเครดิตแบงก์โดยตรง ซึ่งหน่วยงานนี้จะทำหน้าที่เทียบโอนประสบการณ์จากการทำงาน และตีราคาออกมาเป็นวุฒิการศึกษาให้กับคนทำงาน ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานเหล่านี้มีโอกาสเข้าสู่ระบบการศึกษาได้มากขึ้น คนที่ทำงานในโรงงาน เจ้าของกิจการที่ไม่ได้จบปริญญาตรี ก็สามารถมาตีราคาออกมาเป็นวุฒิการศึกษา แล้วไปเรียนต่อในวิชาที่ตนเองไม่พร้อม หรือยังขาดอยู่ได้
“จริงๆ แล้วการเทียบโอนประสบการณ์จากการทำงานเป็นหน่วยกิตเพื่อเรียนต่อนั้น ก็มีหลายหน่วยงานดำเนินการอยู่ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) หรือนโยบายเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภายใน 8 เดือน ของ กศน. แต่ทำในลักษณะต่างคนต่างทำ ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะมาบูรณาการกัน แล้วตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องนี้ รวมถึงทำหน้าที่บริหารจัดการหลักสูตรต่างๆ ในการศึกษานอกระบบที่ออกมารองรับคนกลุ่มนี้ด้วย ในประเทศเกาหลีใต้จะมีหลักสูตรหลากหลายมากสำหรับผู้เรียน และจะมีหน่วยงานเฉพาะที่ดูแลเรื่องการเทียบโอนและดูแลหลักสูตรเหล่านี้” เลขชาธิการ สกศ.กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม นักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เคยถูกรีไทร์ก็จะได้รับประโยชน์จากระบบเครดิตแบงก์ด้วย เจ้าตัวสามารถนำหน่วยกิตในวิชาที่เรียนมาแล้วฝากไว้ในระบบ ซึ่งเมื่อมีความพร้อมเพียงพอก็สามารถกลับมาศึกษาต่อจนจบ ป.ตรีได้ ขณะเดียวกัน คนที่เคยจบระดับประถมศึกษาแล้วต้องออกมาทำงาน ก็สามารถนำเองหน่วยกิตที่ได้เรียนมาบวกกับประสบการณ์ทำงานมาตีราคาเป็นวุฒิการศึกษาได้ ทั้งนี้บอร์ด สกศ.ได้ให้ความเห็นชอบกับเรื่องนี้ และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ สกศ.เฉพาะกิจ 1 คณะเพื่อศึกษาวิจัยในรายละเอียด
