เคที เผย ยังไม่ได้ข้อสรุปเดินเรือส่วนต่อขยายแสนแสบ เตรียมหารือผู้บริหาร กทม.อีกครั้งแต่ยืนยันได้ใช้งานก่อน 5 ธ.ค.นี้แน่นอน
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการขยายการให้บริการระบบขนส่งมวลชนเรือด่วนในเส้นทางคลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ช่วงท่าน้ำวัดศรีบุญเรืองถึงมีนบุรี ตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ว่า เบื้องต้น เคทีในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการให้เป็นผู้รับผิดชอบบริหารและพิจารณารายละเอียดการว่าจ้าง-ทำสัญญากับเอกชนในการให้บริการเดินเรือ เส้นทางส่วนต่อขยายดังกล่าวขอรายงานว่า ล่าสุด มีความเป็นไปได้ที่ กทม.จะสามารถเปิดให้บริการเดินเรือก่อนกำหนดในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ เนื่องจากเคทีได้ตัวเอกชนผู้รับจ้างเดินเรือตลอดจนบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับช่วงการทดลองเดินเรือในสัญญาจ้างรวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 7 เดือน ภายใต้งบประมาณราว 40 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีการประชาสัมพันธ์เส้นทางใหม่ และเริ่มต้นการทดลองเดินเรือโดยเร็วที่สุด
นายอมร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องรูปแบบการให้บริการและจำนวนท่าเรือที่จะใช้ในช่วงทดสอบ เนื่องจากที่ผ่านมา เคทีได้ขออนุมัติปรับแผนโครงการทดลองเดินเรือจากเดิม 14 ท่า แก่กลุ่มเป้าหมายประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นแผนเดิมของ กทม. ใช้งบประมาณ 70 ล้านบาทเศษ เป็นให้บริการ 7 ท่าในช่วงแรกเฉพาะเด็กนักเรียนในพื้นที่โดยให้บริการฟรี แต่ยังคงเส้นทางเดินเรือ 11 กิโลเมตร ช่วงจากท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง-ตลาดมีนบุรี ในชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็นเช่นเดิม ซึ่งใช้งบราว 40 ล้านบาท หลังจากที่ทำการทดลองแล้วว่าการเดินเรือโดยจอดรับส่งผู้โดยสารทั้ง 14 ท่านั้น ใช้เวลาในการเดินทางไม่แตกต่างกับการโดยสารรถประจำทางระหว่างพื้นที่ต้นทางถึงปลายทางแต่อย่างใด อาจทำให้ไม่เป็นที่นิยม หรือคุ้มทุน ซึ่งคณะผู้บริหารก็ได้ให้ความเห็นชอบเปลี่ยนแผนเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษก กทม.ได้ออกมาระบุว่า ระยะแรก กทม.มีแผนทดลองให้บริการเฉพาะช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วน คือ ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00-10.00 น.และช่วงเย็น เวลา 16.00-20.00 น.เบื้องต้น 14 ท่าเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนประเมินผลเพื่อพิจารณารูปแบบการให้บริการต่อไปในอนาคตนั้นทำให้เกิดความสับสน
“จำเป็นต้องหารือกันภายในอีกครั้งว่า ต้องมีการปรับแผนใหม่อีกรอบหรือไม่อย่างไร ซึ่งเคทีพร้อมทำตามนโยบายของผู้บริหารกทม.ในฐานะที่เป็นเจ้าของบริษัทอย่างเต็มที่ ไม่ว่าต้องการให้ทำอะไรก็จะทำ แต่ทั้งนี้ เชื่อว่า จะเริ่มเปิดทดลองให้บริการได้ภายในไม่เกินสิ้นเดือน ต.ค.นี้อย่างแน่นอน” นายอมร กล่าว
นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการขยายการให้บริการระบบขนส่งมวลชนเรือด่วนในเส้นทางคลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ช่วงท่าน้ำวัดศรีบุญเรืองถึงมีนบุรี ตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ว่า เบื้องต้น เคทีในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการให้เป็นผู้รับผิดชอบบริหารและพิจารณารายละเอียดการว่าจ้าง-ทำสัญญากับเอกชนในการให้บริการเดินเรือ เส้นทางส่วนต่อขยายดังกล่าวขอรายงานว่า ล่าสุด มีความเป็นไปได้ที่ กทม.จะสามารถเปิดให้บริการเดินเรือก่อนกำหนดในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้ เนื่องจากเคทีได้ตัวเอกชนผู้รับจ้างเดินเรือตลอดจนบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับช่วงการทดลองเดินเรือในสัญญาจ้างรวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 7 เดือน ภายใต้งบประมาณราว 40 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีการประชาสัมพันธ์เส้นทางใหม่ และเริ่มต้นการทดลองเดินเรือโดยเร็วที่สุด
นายอมร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องรูปแบบการให้บริการและจำนวนท่าเรือที่จะใช้ในช่วงทดสอบ เนื่องจากที่ผ่านมา เคทีได้ขออนุมัติปรับแผนโครงการทดลองเดินเรือจากเดิม 14 ท่า แก่กลุ่มเป้าหมายประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นแผนเดิมของ กทม. ใช้งบประมาณ 70 ล้านบาทเศษ เป็นให้บริการ 7 ท่าในช่วงแรกเฉพาะเด็กนักเรียนในพื้นที่โดยให้บริการฟรี แต่ยังคงเส้นทางเดินเรือ 11 กิโลเมตร ช่วงจากท่าน้ำวัดศรีบุญเรือง-ตลาดมีนบุรี ในชั่วโมงเร่งด่วนเช้าและเย็นเช่นเดิม ซึ่งใช้งบราว 40 ล้านบาท หลังจากที่ทำการทดลองแล้วว่าการเดินเรือโดยจอดรับส่งผู้โดยสารทั้ง 14 ท่านั้น ใช้เวลาในการเดินทางไม่แตกต่างกับการโดยสารรถประจำทางระหว่างพื้นที่ต้นทางถึงปลายทางแต่อย่างใด อาจทำให้ไม่เป็นที่นิยม หรือคุ้มทุน ซึ่งคณะผู้บริหารก็ได้ให้ความเห็นชอบเปลี่ยนแผนเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษก กทม.ได้ออกมาระบุว่า ระยะแรก กทม.มีแผนทดลองให้บริการเฉพาะช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วน คือ ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00-10.00 น.และช่วงเย็น เวลา 16.00-20.00 น.เบื้องต้น 14 ท่าเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนประเมินผลเพื่อพิจารณารูปแบบการให้บริการต่อไปในอนาคตนั้นทำให้เกิดความสับสน
“จำเป็นต้องหารือกันภายในอีกครั้งว่า ต้องมีการปรับแผนใหม่อีกรอบหรือไม่อย่างไร ซึ่งเคทีพร้อมทำตามนโยบายของผู้บริหารกทม.ในฐานะที่เป็นเจ้าของบริษัทอย่างเต็มที่ ไม่ว่าต้องการให้ทำอะไรก็จะทำ แต่ทั้งนี้ เชื่อว่า จะเริ่มเปิดทดลองให้บริการได้ภายในไม่เกินสิ้นเดือน ต.ค.นี้อย่างแน่นอน” นายอมร กล่าว
