กลุ่มครูอัตราจ้างตามโครงการ SP2 บุก ศธ.ยื่น 4 ข้อเสนอให้ สพฐ.เยียวยาและดูแล เหตุพบว่า สพฐ.ส่งหนังสือไปต้นสังกัดให้ยุติการจ้างงานเดือน ก.ย.นี้ เพราะไม่มีงบประมาณ 56 จ้างต่อ ด้าน รองเลขาธิการ กพฐ.แจงเตรียมงบจ้างต่อแล้ว ส่วนข้อเสนอเพิ่มเงิน 1.5 หมื่นบาท รอมติเห็นชอบจาก ครม.
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายอมรรัตน์ ทองสาดี ประธานชมรมครูอัตราจ้างแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยครูอัตราจ้างในโครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง หรือ SP2 ทั่วประเทศ ประมาณ 100 คน เดินทางเพื่อยื่นหนังสือต่อนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอให้ต่อสัญญาจ้างครูอัตราจ้างต่อไปโดยมีนายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และนายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) รับเรื่องแทน
โดย นายอมรรัตน์ กล่าวว่า ในโครงการ SP2 นั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ใช้งบประมาณในการจ้างครูอัตราจ้างตามโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ จำนวน 5,290 อัตรา และโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ จำนวน 3,323 อัตราซึ่งเป็นการจ้างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี แต่ปี 2552 และทำสัญญาจ้างปีต่อปี แต่เมื่อเร็วๆ นี้ สพฐ.ได้ทำหนังสือ ด่วนที่สุดที่ ศธ.04010/ว 1156 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2555 และด่วนที่สุดที่ ศธ. 04006/ว1036 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ให้จ้างครูอัตราจ้างถึงสิ้นเดือนกันยายน 2555 เท่านั้น เนื่องจากในปีงบประมาณ 2556 สพฐ.ไม่มีงบประมาณเพื่อการจ้างครูอัตราจ้างแล้ว จากหนังสือดังกล่าวจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการศึกษา ทั้งที่เกิดกับโรงเรียนและนักเรียน เช่น ขาดแคลนบุคลากรด้านการสอน ฯลฯ
ดังนั้น พวกตนจึงได้เดินทางเพื่อยื่นหนังสือและขอเรียกร้อง ดังนี้1.ขอให้ต่อสัญญาจ้างให้กับครูอัตราจ้างทั้ง 2 โครงการทุกปีโดยไม่ตัดโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบออกจาก สพฐ.โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติในกลุ่มของลูกจ้างชั่วคราวและต่อสัญญาจ้างโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้กับบุคลากรเดิม โดยไม่ต้องสอบคัดเลือกใหม่และโอนการดูแลมาอยู่ที่ สพฐ. พร้อมกันนี้ ขอให้ทำตามสัญญาที่ นายไกร เคยให้ไว้กับกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 คือ ลูกจ้างทุกคนในโครงการจะได้ทำสัญญาจ้าง 3 ปีต่อครั้ง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน 2.ขอให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) พิจารณาให้ครูอัตราจ้างทั้ง 2 โครงการอยู่ในหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่ ก.ค.ศ.กำหนดและให้ได้รับค่าครองชีพ 15,000 บาท ตามนโยบายรัฐบาลและได้รับค่าครองชีพย้อนหลังตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป เหมือนลูกจ้างโครงการอื่นโดยไม่เลือกปฏิบัติ 3.ครูอัตราจ้างที่ทำงานครบ 3 ปีขอบรรจุเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานราชการ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในหน้าที่การงานและเป็นกำลังใจในการทำหน้าที่ และ 4.เมื่อเป็นพนักงานราชการครบ 5 ปีขอบรรจุเข้ารับตำแหน่งครูผู้ช่วย เพื่อให้เกิดความมั่นคงในหน้าที่การงานและเป็นขวัญกำลังใจและการปฏิบัติหน้าที่
นายอนันต์ กล่าวว่า ขณะนี้ สพฐ.ได้เตรียมงบประมาณ 684 ล้านบาท เพื่อจ้างครูอัตราจ้างจากทั้ง 2 โครงการแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ทำหนังสือแจ้งไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต่างๆ ส่วนกรณีที่ขอให้มีการปรับเพิ่มเงินเดือนเป็น 15,000 บาท ตามนโยบายรัฐบาลนั้น ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบก็สามารถเบิกจ่ายได้ทัน เพราะงบดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 สาระแล้ว
รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อเรียกร้องที่ให้บรรจุครูอัตราจ้างทั้งหมด เข้าสู่ตำแหน่งพนักงานราชการนั้น คงต้องไปดูระเบียบของ ก.ค.ศ.ซึ่งทุกอย่างคงต้องเป็นไปตามระเบียบ ส่วนที่ขอให้คนอายุงาน 3 ปีขึ้นไป บรรจุเป็นพนักงานราชการ ตาม ว.12 นั้น สพฐ.จะทำหนังสือเสนอไปยัง ก.ค.ศ.พิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายอมรรัตน์ ทองสาดี ประธานชมรมครูอัตราจ้างแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยครูอัตราจ้างในโครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง หรือ SP2 ทั่วประเทศ ประมาณ 100 คน เดินทางเพื่อยื่นหนังสือต่อนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอให้ต่อสัญญาจ้างครูอัตราจ้างต่อไปโดยมีนายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และนายไกร เกษทัน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) รับเรื่องแทน
โดย นายอมรรัตน์ กล่าวว่า ในโครงการ SP2 นั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ใช้งบประมาณในการจ้างครูอัตราจ้างตามโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบ จำนวน 5,290 อัตรา และโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ จำนวน 3,323 อัตราซึ่งเป็นการจ้างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี แต่ปี 2552 และทำสัญญาจ้างปีต่อปี แต่เมื่อเร็วๆ นี้ สพฐ.ได้ทำหนังสือ ด่วนที่สุดที่ ศธ.04010/ว 1156 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2555 และด่วนที่สุดที่ ศธ. 04006/ว1036 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ให้จ้างครูอัตราจ้างถึงสิ้นเดือนกันยายน 2555 เท่านั้น เนื่องจากในปีงบประมาณ 2556 สพฐ.ไม่มีงบประมาณเพื่อการจ้างครูอัตราจ้างแล้ว จากหนังสือดังกล่าวจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการศึกษา ทั้งที่เกิดกับโรงเรียนและนักเรียน เช่น ขาดแคลนบุคลากรด้านการสอน ฯลฯ
ดังนั้น พวกตนจึงได้เดินทางเพื่อยื่นหนังสือและขอเรียกร้อง ดังนี้1.ขอให้ต่อสัญญาจ้างให้กับครูอัตราจ้างทั้ง 2 โครงการทุกปีโดยไม่ตัดโครงการยกระดับคุณภาพครูทั้งระบบออกจาก สพฐ.โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติในกลุ่มของลูกจ้างชั่วคราวและต่อสัญญาจ้างโครงการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้กับบุคลากรเดิม โดยไม่ต้องสอบคัดเลือกใหม่และโอนการดูแลมาอยู่ที่ สพฐ. พร้อมกันนี้ ขอให้ทำตามสัญญาที่ นายไกร เคยให้ไว้กับกลุ่มลูกจ้างชั่วคราวเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2555 คือ ลูกจ้างทุกคนในโครงการจะได้ทำสัญญาจ้าง 3 ปีต่อครั้ง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน 2.ขอให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) พิจารณาให้ครูอัตราจ้างทั้ง 2 โครงการอยู่ในหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่ ก.ค.ศ.กำหนดและให้ได้รับค่าครองชีพ 15,000 บาท ตามนโยบายรัฐบาลและได้รับค่าครองชีพย้อนหลังตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป เหมือนลูกจ้างโครงการอื่นโดยไม่เลือกปฏิบัติ 3.ครูอัตราจ้างที่ทำงานครบ 3 ปีขอบรรจุเข้าสู่ตำแหน่งพนักงานราชการ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในหน้าที่การงานและเป็นกำลังใจในการทำหน้าที่ และ 4.เมื่อเป็นพนักงานราชการครบ 5 ปีขอบรรจุเข้ารับตำแหน่งครูผู้ช่วย เพื่อให้เกิดความมั่นคงในหน้าที่การงานและเป็นขวัญกำลังใจและการปฏิบัติหน้าที่
นายอนันต์ กล่าวว่า ขณะนี้ สพฐ.ได้เตรียมงบประมาณ 684 ล้านบาท เพื่อจ้างครูอัตราจ้างจากทั้ง 2 โครงการแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ทำหนังสือแจ้งไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ต่างๆ ส่วนกรณีที่ขอให้มีการปรับเพิ่มเงินเดือนเป็น 15,000 บาท ตามนโยบายรัฐบาลนั้น ขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบก็สามารถเบิกจ่ายได้ทัน เพราะงบดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 สาระแล้ว
รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อเรียกร้องที่ให้บรรจุครูอัตราจ้างทั้งหมด เข้าสู่ตำแหน่งพนักงานราชการนั้น คงต้องไปดูระเบียบของ ก.ค.ศ.ซึ่งทุกอย่างคงต้องเป็นไปตามระเบียบ ส่วนที่ขอให้คนอายุงาน 3 ปีขึ้นไป บรรจุเป็นพนักงานราชการ ตาม ว.12 นั้น สพฐ.จะทำหนังสือเสนอไปยัง ก.ค.ศ.พิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่